เมื่อวันที่ 19 เมษายน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ดำเนินมาถึงพิธีการริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษก จำนวน 86 ใบ จากวัดสุทัศนเทพวราราม ไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง โดยผู้เข้าร่วมพิธีฯ ตั้งแถวพร้อมกันบริเวณหน้าวัดสุทัศนเทพวราราม
ในเวลา 06.45 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุธี มากบุญรัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และผู้เชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษก จำนวน 86 คน เชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกไปวางบนรถเชิญน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกตามลำดับ
ต่อมาเวลา 07.00 น. เคลื่อนริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกจากพระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม ไปตามถนนดินสอ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง และเข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ตรงไปยังประตูสวัสดิโสภา รวมระยะทาง 2 กิโลเมตร
เวลา 07.45 น. ริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษก ถึงประตูสวัสดิโสภา พล.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เชิญพานพุ่มทอง – พานพุ่มเงิน นำไปวางบนจุดที่กำหนดบริเวณกำแพงพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายราชสักการะ หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเดินไปตั้งแถวบริเวณด้านหน้าปราสาทพระเทพบิดร
จากนั้น รมว.มหาดไทย รมช.มหาดไทย และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย รวม 10 คน เชิญพานกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ นำไปวางบนจุดที่กำหนดและเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายราชสักการะ หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นเดินไปตั้งแถวบริเวณด้านหน้าประสาทพระเทพบิดร
ผู้เชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกเชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกลงจากรถ จากนั้นเชิญน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกไปยังบริเวณด้านหน้าปราสาทพระเทพบิดร รมว.มหาดไทย รมช.มหาดไทย ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกไปวางในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเดินกลับมาตั้งแถวหน้าประตูสวัสดิโสภา ก่อนเคลื่อนขบวนกลับกระทรวงมหาดไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รูปแบบริ้วขบวนอัญเชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกจากวัดสุทัศนเทพวราราม ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย รมว.มหาดไทย รมช.มหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย 10 คน
ผู้เชิญพานกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ 10 คน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด 77 คน ผู้เชิญพานพุ่มทอง-พานพุ่มเงิน 154 คน รถเชิญคนโทน้ำอภิเษก ผู้เชิญคนโท 86 คน ข้าราชการผู้ร่วมพิธี 600 คน นักเรียนนายร้อยตำรวจ เชิญธงชาติ 68 นาย และธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 68 นาย วงดุริยางค์กองทัพเรือ 50 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุมวง 2 นาย และวงดุริยางค์กองทัพอากาศ 50 นาย
พร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุมวง 2 นาย รวมทั้งสิ้น 1,200 คน ความยาวของขบวนประมาณ 178 ม. ซึ่งเป็นการเดินตามจังหวะกลอง โดยวงดุริยางค์ทหารบก ประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้แก่ใกล้รุ่ง มาร์ชราชวัลลภ และยามเย็น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ประชาชนจากทั่วสารทิศต่างพร้อมใจแต่งกายในเสื้อสีเหลืองมาเฝ้ารอชมริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกด้วยความตั้งมั่น ท่ามกลางบรรยากาศร้อนอบอ้าว โดยหลายคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อจับจองที่นั่งตั้งแต่เช้ามืด ทั้งนี้ระหว่างขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษกเคลื่อนผ่านประชาชนบางส่วนได้ชูภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ด้วยความปลื้มปีติ
นางมณีรัตน์ เลาวเลิศ อายุ 61 ปี เดินทางจากจ.สมุทรสาคร ตั้งแต่ 04.00 น. พร้อมด้วยนางสาวบุษกร กลิ่นน้อย อายุ 52 ปี ชาวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมาสมทบกับกลุ่มเพื่อนสนิทที่รู้จักกันระหว่างปฏิบัติงานจิตอาสาเฉพาะกิจฯ โดยทั้งสองเผยร่วมกันว่า ตั้งใจเดินทางมาเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด้วยเป็นพระราชประเพณีที่มีมาแต่โบราณ และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสได้ร่วมในพิธีมหามงคลแบบนี้ จึงบอกกับตัวเองว่าต้องมาให้ได้ ซึ่งในวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4-6 พฤษภาคมนี้จะมาร่วมพิธีทั้งสามวันอย่างแน่นอน และได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วทั้งอุปกรณ์กันแดด อาหาร ยาดม และน้ำดื่ม เพื่อไม่ให้เป็นภาระผู้อื่นต้องมาดูแล ทั้งนี้ ทั้งสองได้เดินทางมาตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน จากนั้นเข้าร่วมชื่นชมการซ้อมริ้วขบวนพระราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค และพิธีเสกน้ำอภิเษกในวัดสุทัศนเทพวราราม จนกระทั่งวันนี้
“รู้สึกตื้นตันใจ และปลื้มปีติเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธี ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน อาศัยติดตามข่าวจากทีวีแล้วจดไว้ว่ามีพิธีวันไหน แล้วจึงพยายามเคลียร์งานเพื่อที่จะมาร่วมงานให้ได้ แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวก็ไม่หวั่น เพราะมาด้วยใจ ทั้งยังตั้งใจจะสวมชุดไทยจิตรลดาสีเหลืองมาร่วมงานด้วย” ทั้งสองกล่าวด้วยรอยยิ้ม
