ยิ่งใหญ่ งดงาม ซ้อมใหญ่ ‘ริ้วขบวนพยุหยาตราสถลมารค’ ครั้งสุดท้าย

เมื่อเวลา 16.34 น. วันที่ 28 เมษายน คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราสถลมารค ภายใต้คณะกรรมการฝ่ายพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 กำหนดให้มีการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค เสด็จฯ เลียบพระนคร ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หรือริ้วขบวนที่ 3 ในพื้นที่จริง และตามเวลาจริงเป็นครั้งที่ 3 รวมถึงซักซ้อมการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป นับเป็นการซักซ้อมครั้งสุดท้าย ก่อนเข้าสู่ห้วงงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมฝึกซ้อม อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินในตอนคณะอำนวยการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เดินในแถวแซงเสด็จพระราชยานพุดตานทอง

Advertisement

สำหรับ ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค เสด็จฯ เลียบพระนคร ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นริ้วขบวนที่ยาวที่สุด จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม เวลาประมาณ 16.30 น. โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จขึ้นประทับบนพระราชยานพุดตานทอง เสด็จพระราชดำเนินไป 3 วัด ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ตามลำดับ เพื่อทรงนมัสการพระพุทธปฏิมาประธาน และพระบรมราชสรีรางคาร ตลอดเส้นทางเสด็จฯ รวมระยะทาง 6.77 กิโลเมตร และคาดว่าจะใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง 30 นาที

Advertisement

ทั้งนี้ ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค ยังประกอบด้วย กำลังพลจากโรงเรียนเตรียมทหาร, หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์, หน่วยราชการในพระองค์, กองทัพบก, กองทัพเรือ, สำนักพระราชวัง, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 1,286 นาย ถือเครื่องดนตรีและเครื่องสูงถวายพระราชอิสริยยศ มีความยาวทั้งสิ้น 403.5 เมตร ก้าวเดินตามจังหวะบทเพลงพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จำนวน 6 บทเพลง ซึ่งบรรเลงโดยวงดุริยางค์ ได้แก่ มาร์ชธงไชยเฉลิมพล มาร์ชราชวัลลภ เพลงใกล้รุ่ง ยามเย็น สรรเสริญเสือป่า และสรรเสริญพระนารายณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ครั้งนี้ มีประชาชนสวมใส่เสื้อสีเหลือง และชุดสุภาพ มาปักหลักเฝ้ารอชมการฝึกซ้อมด้วยความตั้งมั่นท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด เพราะตั้งใจเดินทางมาชื่นชมพระราชพิธีสำคัญของประเทศด้วยตาตนเอง ทั้งยังตั้งใจจะเก็บภาพเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งตนได้มีส่วนร่วมในโบราณราชประเพณีที่หาชมได้ยาก และยิ่งใหญ่ โดยต่างเตรียมความพร้อมมาด้วยการพกอาหาร และน้ำดื่ม ตลอดจนร่มกันแดดและหมวกมาด้วย อย่างไรก็ตามขณะที่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ เคลื่อนผ่าน ประชาชนต่างนำโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายภาพมาบันทึกภาพด้วยความสนใจ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดจิตอาสาเราทำความ ดี ด้วยหัวใจ นั่งอยู่บริเวณฟุตปาธสองฝั่งข้างทางที่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ เคลื่อนผ่าน คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและให้คำแนะนำประชาชน

ทั้งนี้ ตลอดสองฝั่งเส้นทางที่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ เคลื่อนผ่านถูกประดับตกแต่งด้วยไฟสวยงาม ต้นไม้และไม้ประดับ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษา ทั้งจัดตกแต่งและรดน้ำต้นไม้ เพื่อความงดงามสมพระเกียรติ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้นำเสื่อเบาะรองนั่งสีเหลืองมาให้บริการประชาชนอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ เคลื่อนออกจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี มีการฝึกซ้อมยิงปืนใหญ่สลุต บริเวณท้องสนามหลวง จำนวน 21 นัดด้วย

นางวิไลพร เจริญสวัสดิ์ อายุ 44 ปี เดินทางมารอชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ พร้อมลูกสาว โดยต่างสวมใส่เสื้อสีเหลืองและที่คาดศีรษะคำว่า “ทรงพระเจริญ” กล่าวว่า ตนกับลูกสาวเดินทางมาถึงหน้าพระบรมมหาราชวังตั้งแต่ช่วงเที่ยง เนื่องจากลูกสาวอยากมาชมริ้วขบวนฯ หลังจากที่เคยชมขบวนทหารม้าของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และจดจำภาพความสวยงามของพระราชพิธีได้ และอยากมาชมอีกครั้ง ประกอบกับตนก็อยากมาชมเช่นกันเพราะเป็นพระราชพิธีที่ไม่ได้มีให้ชมง่ายๆ ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต สำหรับครั้งนี้ได้เห็นริ้วขบวนฯ แล้วก็ปลื้มปีติมาก สวยงามมากๆ

วิไลพร เจริญสวัสดิ์ พร้อมลูกสาว

“ขอถวายพระพรให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง ทราบว่าพระองค์ทรงห่วงใยความทุกข์ร้อนของประชาชนตลอด ก็ดีใจ และปลื้มใจที่พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเรา” นางวิไลพรกล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตัน

ด้าน นางปทิตตา กสินพจน์ อายุ 58 ปี ประชาชนจิตอาสาเฉพาะกิจงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในชุดจิตอาสาเสื้อโปโลสีเหลือง ผ้าพันคอและหมวกพระราชทาน กล่าวว่า ตนเดินทางมาจากเขตบางแค เพื่อมารับฟังรายละเอียดและร่วมซักซ้อมการเป็นจิตอาสาฯ ด้วยตนลงทะเบียนเป็นจิตอาสาฝ่ายบริการประชาชนไว้ ซึ่งมีหน้าที่คอยให้คำแนะนำประชาชนว่าสามารถเข้าจุดคัดกรองได้ตรงไหน และมีจุดบริการอะไรบ้าง อาทิ โรงครัวพระราชทาน จุดบริการทางการแพทย์ จุดบริการน้ำดื่ม สุขาเคลื่อนที่ เป็นต้น ทั้งนี้ การได้เป็นจิตอาสาฯในพระราชพิธีสำคัญทำให้ตนปลื้มปีติอย่างมาก ทั้งยังตื่นเต้นมากกับพระราชพิธีที่จะมาถึง อยากเชิญชวนให้ประชาชนสวมเสื้อเหลืองเพื่อเป็นการถวายพระพรและแสดงความจงรักภักดี

ปทิตตา (ขวา)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image