ประชาชนปีติ บันทึกไว้ในดวงใจ เฝ้ารับเสด็จ ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ ณ วัดราชบพิธ
เมื่อเวลา 20.51 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณสองฝั่งเส้นทางบนถนนหน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามเต็มไปด้วยประชาชน นักเรียน นักท่องเที่ยว และครอบครัวที่พร้อมใจสวมเสื้อสีเหลืองมาเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯเลียบพระนคร ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ท่ามกลางการประดับไฟสวยงาม และมีลมพัดเย็นสบาย
ทั้งนี้ ขณะที่ขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค เสด็จฯเลียบพระนคร เคลื่อนผ่าน ประชาชนต่างก้มลงกราบแนบพื้น เปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั้งบริเวณ พร้อมกับโบกธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย และธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ปลิวไสว รวมไปถึงใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพแห่งประวัติศาสตร์นี้ไว้ ด้านผู้ปกครองต่างให้ความรู้กับบุตรหลานที่พามาเฝ้าฯ รับเสด็จด้วย
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งประทับอยู่บนพระราชยานพุดตานทองทรงแย้มพระสรวลให้พสกนิกร สร้างความปลื้มปีติแก่ผู้ที่ได้เฝ้าฯ รับเสด็จเป็นอย่างยิ่ง
นางสุทธิตา ประเสริฐสุข อายุ 54 ปี เดินทางมาจาก จ.สมุทรสาคร พร้อมกับกลุ่มเพื่อน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. กล่าวหลังขบวนพยุหยาตราสถลมารค เสด็จฯเลียบพระนครเคลื่อนผ่านว่า รู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมากที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เข้าร่วมโบราณราชประเพณี ซึ่งเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วย เนื่องจากเป็นการเริ่มรัชสมัยใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ทราบว่าจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกก็ตั้งใจไว้เลยว่าจะต้องมาร่วมพิธีให้ได้ สภาพอากาศที่ร้อนจัดก็ไม่เป็นอุปสรรคเพราะตนมาด้วยใจและเตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งเรื่องอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ และเตรียมอุปกรณ์กันแดด อย่างร่มและหมวกมาพร้อม ทั้งนี้ ในชีวิตประจำวันตนน้อมนำเอาคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องการมีจิตสาธารณะมาปรับใช้อยู่เสมอ ด้วยการเป็น “วิทยากรจิตอาสา” ตามโครงการต่างๆ
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสง่างามมาก พอได้ชื่นชมพระบารมีของพระองค์ก็รู้สึกอิ่มเอมใจ วันนี้ตอนที่นั่งรถมาร่วมพิธีก็เปิดดูพิธีการตอนเช้าผ่านมือถือ และติดตามพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาโดยตลอด รู้สึกว่าเป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ อยากบันทึกไว้ในหัวใจ ไว้ไปเล่าให้ลูกหลานฟัง ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ในโอกาสพิเศษมหามงคลนี้ก็อยากถวายพระพรพระองค์ท่าน ขอพระองค์ทรงพระเจริญ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพสกนิกรชาวไทยตลอดไป” นางสุทธิตากล่าวด้วยความตื้นตัน
