กรมหลวงราชสาริณีฯ ทรงงาน 2 จังหวัดปักษ์ใต้ ติดตามงานบริหารจัดการน้ำ รับฟังปัญหาผู้ต้องขัง

กรมหลวงราชสาริณีฯ ทรงงาน 2 จังหวัดปักษ์ใต้ ติดตามงานบริหารจัดการน้ำ รับฟังปัญหาผู้ต้องขัง

กรมหลวงราชสาริณีฯ – นับเป็นความปลื้มปีติของ “ชาวปักษ์ใต้” ที่ได้เฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ในการเสด็จไปทรงเยี่ยมราษฎรเครือข่ายชุมชนเตือนภัยพิบัติ ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฎร์ธานี และเสด็จไปทรงติดตามการดำเนินงานตามโครงการกำลังใจฯ ณ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช

ในวันแรก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จไป อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ทรงเปิด ศูนย์บริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำตรัง และทอดพระเนตรการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วยอุโมงค์ร่วมคลอง ซึ่งมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสียหายจากการเกิดอุทกภัยได้เป็นอย่างดี และช่วยให้ผู้ที่สัญจรไปมาเดินทางได้สะดวกมากขึ้น

จากนั้น เสด็จไปยังชุมชนหลานตาภู่อุทิศเพื่อผู้ประสบภัย ต.ถ้ำใหญ่ ทรงเยี่ยมราษฎร 39 ครัวเรือน ที่ย้ายมาจากบ้านน้ำรอบ เนื่องจากประสบภัยพิบัติน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม ทำให้บ้านเรือนพังเสียหาย เมื่อปี 2560 ซึ่งมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ได้ประสานหน่วยงานภาครัฐและเอกชนสร้างบ้านหลังใหม่ให้

ในการนี้ ทรงเยี่ยมราษฎรในตำบลถ้ำใหญ่ ที่ไปเฝ้ารับเสด็จ สร้างความปลาบปลื้มแก่ราษฎรเป็นอย่างยิ่ง

Advertisement

จากนั้น เสด็จไปทรงติดตามการดำเนินงานของ ศูนย์การจัดการภัยพิบัติ ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด ทอดพระเนตรหน่วยวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์น้ำเคลื่อนที่ หรือ Mobile War Room ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เป็นรถเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ที่จะเกิดและเกิดอุทกภัย สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ ที่เชื่อมโยงจากคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ เช่น สภาพอากาศ, ปริมาณน้ำฝน และระดับน้ำในเขื่อน เพื่อให้พื้นที่เข้าใจสถานการณ์ และช่วยในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

จากนั้น ทอดพระเนตรโรงครัวชุมชนตำบลเกาะขันธ์ ซึ่งจะประกอบอาหารทั้งในยามวิกฤตเกิดภัย และในวันสำคัญของชุมชน พร้อมกันนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการการดำเนินงานต่างๆ อาทิ งานสื่อสารการจัดการภัยพิบัติ ที่มีพระดำริให้ใช้วิทยุสื่อสารให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก่อนเสด็จฯกลับทรงเยี่ยมประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ

วันต่อมา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จไปทรงติดตามผลการดำเนินงานการบริหารจัดการน้ำ ณ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ บ้านปากซวด ต.พะแสง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและส่วนท้องถิ่นร่วมกันจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้จากความสำเร็จการบริหารจัดการน้ำของชุมชน โดยน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมาเป็นหลักคิด

Advertisement

ในการนี้ ทอดพระเนตรฝายเก็บกักน้ำและเฝ้าระวังน้ำหลากของหมู่บ้าน ที่มีความจุ 18,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้เก็บกักน้ำจากลำน้ำสาขาในหมู่บ้าน เพื่อสร้างความชุ่มชื้นของพื้นที่ชุมชน 200 ไร่ มีการติดตั้งขีดระดับของปริมาณน้ำเพื่อแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยด้วย


จากนั้น เสด็จไปยังโรงเรียนบ้านท่านหญิงวิภา ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี ในการพระราชทานอุปกรณ์กีฬา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญไปพระราชทานแก่นักเรียนโรงเรียนบ้านท่านหญิงวิภา ด้วยทรงห่วงใยสุขภาพและคุณภาพชีวิต พร้อมกันนี้ พระราชทานข้าวสารและยารักษาโรคของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เพื่อเป็นคลังอาหารและคลังยาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) รองรับผู้ประสบอุทกภัยแก่ผู้แทนตำบลตะกุกเหนือ

ต่อมา เสด็จไปยังเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ วังหัวสะพาน บริเวณคลองยัน บ้านหัวสะพาน ทรงติดตามการดำเนินงานของเครือข่ายอนุรักษ์ฟื้นฟูภูมินิเวศลุ่มน้ำคลองยัน ซึ่งเป็น 1 ใน 18 เครือข่ายชุมชนเตือนภัยพิบัติของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 เพื่อเฝ้าระวังเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทอดพระเนตรการสาธิตการช่วยเหลือและอพยพผู้ประสบภัย ก่อนเสด็จกลับ

วันสุดท้าย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จไปทรงติดตามงานการดำเนินงานตาม โครงการกำลังใจฯ ณ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ทรงเปิดอาคาร “หลารวมใจ” หรือ “ศาลารวมใจ” โดยคำว่า “หลา” เป็นภาษาถิ่นหมายถึง “ศาลา” ซึ่งสร้างจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชนที่ร่วมกันบริจาคเงิน และแรงงานของผู้ต้องขังที่ร่วมกันก่อสร้างอาคาร

นับเป็นอาคารที่สร้างขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจ โดยจะใช้ประโยชน์ในการฝึกอบรมข้าราชการ จัดการประชุม รวมถึงใช้ในการรับรองคณะผู้เข้าศึกษาดูงาน และตรวจเยี่ยมเรือนจำ

โอกาสนี้ ทรงเยี่ยมชมห้องแม่และเด็ก ซึ่งในปัจจุบันมีเด็กติดผู้ต้องขัง จำนวน 6 คน และผู้ต้องขังตั้งครรภ์ จำนวน 1 คน เด็กทุกคนมีพัฒนาการสมวัย และได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ โดยได้รับการสนับสนุนวัคซีนจากโรงพยาบาลมหาราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย

จากนั้น ทอดพระเนตรการสาธิตฝึกวิชาชีพ ที่มีทั้งแกะสลักไม้ ถักโครเชต์ กาแฟ ก๋วยเตี๋ยว และพยากรณ์โหราศาสตร์ พระองค์ทรงมีพระปฏิสันถารกับผู้ต้องขังที่ฝึกอาชีพด้วยความสนพระทัย พร้อมพระราชทานกำลังใจ ความบางตอนว่า

“ผลงานมีความสวยงาม ยึดเป็นอาชีพได้ ขอให้ทำเรื่อยๆ”

นอกจากนี้ยังทรงอุดหนุนผลิตภัณฑ์งานฝีมือของผู้ต้องขังหญิง จากนั้นทรงรับฟังปัญหาของผู้ต้องขังหญิงที่กราบทูลถวายรายงานในเรื่องปัญหาความแออัดในเรือนนอน, ขอเพิ่มห้องสมุดและหนังสือทางด้านกฎหมาย เทคโนโลยี โต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงขอพระราชทานอาจารย์ฝึกอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพระองค์ทรงรับไว้พิจารณาตามคำกราบทูล

จากนั้น เสด็จเข้าสู่สถานพยาบาลแดนชาย ทอดพระเนตรสถานพยาบาล และเยี่ยมผู้ต้องขังที่ป่วย พระราชทานของเยี่ยมให้ผู้แทนผู้ต้องขังที่ป่วย ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ความสนพระทัยในการดูแลผู้ต้องขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ต้องขังที่มีความเจ็บป่วย และสืบสานพระราชกรณียกิจ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ในการทรงเป็นทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ การดำเนินงานสถานพยาบาล ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มีผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ HIV/AIDS จำนวน 118 คน

ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อได้รับบริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้หลักการ RRTTR ย่อมาจาก Reach Recruit Test Treat Retain โดยไม่ต้องการให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ลดจำนวนผู้เสียชีวิต ลดการตีตราจากสังคมในการเลือกปฏิบัติให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้

จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงของผู้ต้องขัง การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินในพื้นที่ด้วยความสนพระทัย สมควรแก่เวลา เสด็จกลับ

พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงติดตามการดำเนินงานด้วยความสนพระทัย

“พระองค์รับสั่งถามถึงการบริหารจัดการเรือนจำว่าขาดอะไรไหม อยากจะได้สิ่งของหรือการสนับสนุนอะไรในการดูแลผู้ต้องขังและผู้ป่วยหรือเปล่า เช่น โรคที่เกี่ยวกับเอชไอวี โรคตา บริการทันตกรรม นอกจากนี้ ยังรับสั่งถึงเรื่องการฝึกอาชีพว่าอะไรที่ดีให้ต่อยอด โดยเฉพาะงานหัตถกรรมที่เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น อยากให้รักษาไว้ อยากเห็นความคืบหน้า ไม่ได้มาเก้าปีแล้ว แต่เหมือนเพิ่งมาเมื่อเร็วๆ นี้เอง” พ.ต.ท.วรชัยกล่าว

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ได้เสด็จมาทรงเปิดโครงการกำลังใจฯ ณ เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2553 และทรงเปิดกิจกรรม “สร้างกำลังใจ…สู่เมืองคอน” ปัจจุบัน เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเรือนจำที่ควบคุมผู้ต้องขังชายและหญิง มีผู้ต้องขัง 7,129 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังหญิง 1,073 คน ผู้ต้องขังชาย 6,056 คน ผู้ต้องขังต่างชาติ 14 คน เด็กติดผู้ต้องขัง 6 คน และผู้ต้องขังตั้งครรภ์ 1 คน


ในการเสด็จมาทรงติดตามผลการดำเนินงานโครงการกำลังใจฯ ในครั้งนี้ สร้างความปลื้มปีติให้กับผู้ต้องขังเป็นอย่างมาก ที่มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมี ทำให้มีกำลังใจและมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image