งดงาม ซ้อมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ปชช.สวมเสื้อเหลืองชื่นชม (คลิป)

งดงาม ซ้อมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ปชช.สวมเสื้อเหลืองชื่นชม (คลิป)

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 ตุลาคม กองทัพเรือ โดยคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี ได้จัดการฝึกซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เบื้องปลาย โดยเป็นการฝึกซ้อมใหญ่เสมือนจริงครั้งที่ 2 มีเจ้าหน้าที่ประจำเรือ 2,200 นายเข้าร่วมฝึกซ้อม ในเครื่องแต่งกายฝีพายเรือพระราชพิธีโบราณประดับเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 โดยมีเรือพระราชพิธีทั้งหมด 52 ลำ ที่ประดับตกแต่งเหมือนวันจริง โดยเฉพาะเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ที่เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้ติดตั้งเครื่องสูง ประกอบด้วยฉัตร พระวิสูตร และบุษบกตามโบราณราชประเพณี เส้นทางท่าวาสุกรี มุ่งหน้ายังท่าราชวรดิษฐ ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร อย่างไรก็ดี งานพระราชพิธีที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2562

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 เป็นจุดรวมพลเจ้าหน้าที่ประจำเรือพระราชพิธี ซึ่งนัดรวมพลตั้งแต่ช่วงสาย ก่อนลงเรือพระราชพิธีตั้งแต่ช่วงเที่ยง

นาวาเอกไพฑูรย์ ปัญญสิน ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการฝ่ายควบคุมขบวนเรือ กองทัพเรือ กล่าวว่า หลังจากมีการเลื่อนวันเสด็จขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค จากวันที่ 24 ตุลาคม เป็นวันที่ 12 ธันวาคม กองทัพเรือจะนำเรือเข้ามาเก็บในช่วงระยะหนึ่ง และได้กำหนดวันซ้อมย่อย และซ้อมใหญ่ เพื่อจะคงสถานะของกำลังพล อีก 5 ครั้ง โดยแบ่งเป็นซ้อมย่อย 4 ครั้ง ในวันที่ 12 , 19, 26 พฤจิกายน และ 3 ธันวาคม ส่วนซ้อมใหญ่จะจัดขึ้นวันที่ 9 ธันวาคม

อย่างไรก็ตาม เรืออื่นๆ ที่พายท่าพลราบ ซึ่งมีความชำนาญและความเข้มแข็งเพียงพอ ก็จะให้เจ้าหน้าที่เรือออกกำลังกายและฝึกฝนเพื่อยังคงพละกำลัง ขณะที่เรือพระที่นั่ง 4 ลำ และเรือรูปสัตว์ต่างๆ ผบ.ทร.เน้นย้ำให้กำลังพลคงสถานะความพร้อมไว้อยู่ตลอด โดยจะให้ฝึกตลอดจนถึงวันที่ 12 ธันวาคม ดังนั้น จะมีการทำตารางการฝึก ทั้งเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ เพื่อให้มีการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการฝึกทุกรูปแบบ ทั้งความพร้อมเพรียง ความสวยงาม และพละกำลัง

Advertisement

นาวาเอกไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนเรือพระราชพิธี เดิมกองทัพเรือมีแผนเตรียมเรือให้พร้อมรับเสด็จในช่วงเดือนตุลาคมเท่านั้น เมื่อมีการเลื่อนเสด็จฯ ไปในเดือนธันวาคม ทำให้เรือบางลำมีความจำเป็นที่จะต้องซ่อมแซม โดยมีเรือที่ชำรุดมาก 6 ลำ แบ่งเป็นเรือพระที่นั่ง 1 ลำ คือเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช โดยภายหลังจากซ้อมเสร็จในวันนี้ จะอัญเชิญมาขึ้นซ่อมที่พิพิธภัณฑ์คลองบางกอกน้อย

และเรือรูปสัตว์อีก 5 ลำ โดยทั่วไปจะซ่อมที่กรมอู่ทหารเรือ โดยมีเรือเอกชัยเหินหาว เอกชัยหลาวทอง ครุฑเหินเห็จ ครุฑเตร็จไตรจักร ส่วนเรือพาลีรั้งทวีป ค่อนข้างที่จะรั่วซึมเยอะ จะลากเรือมาขึ้นซ่อมที่ท่าวาสุกรี สำหรับเรือพระที่นั่ง และเรือรูปสัตว์ จะเก็บรักษาไว้ที่เดิม ส่วนเรือประกอบอื่นๆอีก 36 ลำ โดยหลังจากซ้อมเสร็จวันนี้ 18 ลำ จะเข้าที่แผนกเรือพระราชพิธี กองเรือเล็ก กรมขนส่งทหารเรือ และจะนำอีก 18 ลำ เข้ามาในวันพรุ่งนี้

 “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเลื่อนการพระราชพิธีออกไป ให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้เดือดร้อน พระองค์มีพระราชประสงค์ให้พระราชพิธีนี้มีความสวยงามในเรื่องการพายเรือ ซึ่งการพายให้สวยงามต้องอยู่ในระดับน้ำที่เหมาะสม ถ้าหากเป็นกำหนดการเดิม บางทีต้องใช้ท่าพายที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้ได้ระยะ ก็ทรงไม่โปรด เพราะมีคนเสนอว่าถ้าจะทำแบบนั้น ต้องปล่อยน้ำลงมาช่วย ทรงไม่โปรดให้ปล่อยน้ำมา จึงได้ขยับวันออกไป” นาวาเอกไพฑูรย์กล่าว

Advertisement

นาวาเอก ไพฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับการซ้อมในวันนี้ กระแสน้ำตอนตั้งขบวนไหลขึ้น มาถึงนิ่งและไหลลงเล็กน้อย โดยภาพรวมวันนี้ น่าจะพายแบบสบายๆ ขณะที่วันที่ 24 ตุลาคมไหลขึ้น อีก 3 วันกระแสน้ำจะเปลี่ยน เรื่องของน้ำ บางทีต้องดูจากการคาดเดา คำนวณ ทำนายน้ำมา แต่อิทธิพลของน้ำที่เราไม่รู้จริงๆ คือน้ำเหนือ ที่ไหลมา เราไม่รู้ว่ามีอิทธิพลกับการทำนายน้ำ กองทัพเรือทำนายน้ำและกระแสน้ำจากกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ แต่ก็ได้มีการเปรียบเทียบตลอด สถานการณ์จริงไม่แตกต่างจากการทำนายมากนัก ในช่วงวันที่ 12 ธันวาคมนั้น ช่วงนั้นกระแสน้ำจะไม่มีอิทธิพลแล้ว มีเพียงอิทธิพลเรื่องกระแสลม จะมีลมเหนือที่พัดเข้ามาเท่านั้น ซึ่งช่วงนี้เป็นลมทางใต้ เพราะเป็นช่วงหน้าหนาวแล้ว แต่ไม่มีผลกระทบใด เพราะนายเรือมีการฝึกแก้ทิศทางลมอยู่แล้ว

“ที่เรากำหนดการฝึกซ้อมมาเยอะ บางเรื่องทำให้คนตกใจ เช่นการซ้อมครั้งที่ 2 ที่เราตั้งใจ ที่ให้เจอกระแสน้ำที่แรงที่สุด ทุกคนไม่รู้ความตั้งใจก็ตกใจ เราเลือกกระแสน้ำที่แรงแล้วให้กำลังพลไปสัมผัส การฝึกของเราเป็นการฝึกทวนน้ำ 6 ครั้ง และ ตามน้ำ 4 ครั้ง เราเลือกที่จะทวนมากกว่าตาม แต่คนที่ไม่ใช่ชาวเรือก็ตกใจกันไป ว่าจะไม่สวย กระทบกับงานพระราชพิธี และไม่สมพระเกียรติ

“การฝึกของเรามีทุกสภาพ ทั้งน้ำแรงน้ำน้อยน้ำนิ่ง ฝนตก แดดออกและลม ซึ่งทำให้กำลังพลมีประสบการณ์และความชำนาญมากขึ้น โดยดูจากการที่มีรายงานเรื่องการจัดทำโบ๊ทเลน โดยกำลังพลทุกลำจะมีการติดจีพีเอสไว้ที่ตัว 1 คน และมีการตีเส้นอยู่ในแม่น้ำ ซึ่งจะเป็นการรายงานว่าฝีพายสามารถพายเรืออยู่ในเลนได้หรือไม่ นับเป็นครั้งแรกที่ขบวนเรือสามารถจัดได้ตามเส้นเช่นนี้”นาวาเอกไพฑูรย์ กล่าว

นาวาเอกไพฑูรย์ กล่าวต่อว่า วันนี้กองทัพเรือได้เปิดโอกาสให้ครอบครัวทหารเรือมาชมการซ้อมใหญ่ ครั้งที่ 2 ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ โดยมีครอบครัวที่แสดงความจำนงมาทั้งหมด 400 ครอบครัว และในวันที่ 12 ธันวาคม ก็จะเปิดพื้นที่ในส่วนของกองทัพเรือ ให้แขกของกองทัพเรือเข้าชมอีก 5 จุด ได้แก่ กรมอู่ทหารเรือธนบุรี หอประชุมกองทัพเรือ ลานทัศนาภิรมย์ ห้องชมชลธี ราชนาวีสโมสร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี เป็นจุดรวมพลเจ้าหน้าที่ประจำเรือพระราชพิธี ซึ่งนัดรวมพลตั้งแต่ช่วงสาย ก่อนแยกย้ายลงเรือพระราชพิธีตั้งแต่ช่วงเที่ยง โดยประชาชนต่างทยอยมาปักหลักเฝ้าชมขบวนเรืออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่าย ต่างใส่เสื้อสีเหลือง จูงบุตรหลาน และสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งชาวต่างชาติ มารอชมเรืออย่างคึกคัก หลายคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อให้ได้ชมสักครั้งหนึ่งในชีวิต หลายคนนำกล้องมาเตรียมพร้อมบันทึกภาพอีกด้วย บริเวณโดยรอบยังมีเจ้าหน้าที่จิตอาสา และ พยาบาล คอยอำนวยความสะดวกประชาชนในจุดดังกล่าว รวมทั้งบริการน้ำดื่มฟรีให้กับประชาชน

กระทั่งเวลา 15.34 น. เจ้าหน้าที่ได้ตั้งริ้วขบวนเรือทั้ง 52 ลำ เป็น 5 ริ้ว และได้เคลื่อนเรือในเวลาต่อมา โดยประชาชนจำนวนมาก ต่างนำกล้องมาบันทึกภาพขบวนพยุหยาตราไว้เป็นที่ระลึก และต่างตื่นตาตื่นใจกับเสียงแห่ของขบวนเรือ

นอกจากนี้ประชาชนจำนวนมาก ต่างเข้ามาจับจองพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ สะพานพระราม 8 ไปจนถึง ท่าราชวรดิฐ อาทิ โรงพยาบาลศิริราช มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ท่าช้าง ท่ามหาราช สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สวนสันติชัยปราการ บางคนเป็นสมาชิกชมรมถ่ายภาพต่างๆ ที่นำกล้องมาบันทึกภาพความงดงามของเรือเก็บไว้ โดยหลายคนยังได้พาครอบครัว บุตรหลาน มาศึกษาวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางมีเจ้าหน้าที่ คอยดูแลความเรียบร้อยในจุดต่างๆ และบอกระยะทางของขบวนเรือด้วย

   นางจรินทร ปิ่นดอกไม้ อายุ 67 ปี มารดาของจ่าเอกเบญจรงค์ ปิ่นดอกไม้ ฝีพายเรือสุพรรณหงส์ ที่มารับชมขบวนเรือ และให้กำลังใจลูกชาย เผยว่า ลูกชายเป็นฝีพายในเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ก่อนหน้านี้ได้เป็นฝีพายในเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ในรัชกาลที่ 9 ครอบครัวจึงรู้สึกภูมิใจมาก เมื่อเช้าก็ได้ไปถ่ายภาพกับลูกชาย ก่อนลูกสาวจะพามาดูที่นี่ เพราะลูกชายบอกว่าเห็นชัด เกรงว่าวันจริงคนเยอะอาจจะไม่ไหว และจากนี้ก็ไม่รู้อีกกี่ปีกว่าจะได้เห็นอีกครั้ง การได้เห็นขบวนเรือกับสายน้ำ ก็รู้สึกปลาบปลื้ม ที่ได้เห็นเรือแต่ละลำ เสียงของคนเห่เรือก็ทำให้ขนลุก สงบ เยือกเย็น วันนี้อาจจะไม่ได้เห็นลูกชายชัด แต่ก็ภูมิใจ 2 ปีที่ลูกฝึกฝนมา ก็ได้เห็นแล้ว พิธีครั้งนี้เป็นวัฒนธรรมอันดีงาม ที่ต่างชาติก็ยังเฝ้ารอชม

 

 

นางจรินทร ปิ่นดอกไม้
นางจรินทร ปิ่นดอกไม้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image