เยาวราชสุดคึกคัก ‘ในหลวง-ราชินี’ เสด็จฯ ครั้งแรก ปชช.สวมเสื้อเหลืองหลั่งไหลเฝ้าฯ ชมพระบารมีใกล้ชิด
เสด็จฯ เยาวราช-เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ใต้ร่มพระบารมี สดุดีมหาจักรีวงศ์” และทรงเยี่ยมราษฎรชาวไทยเชื้อสายจีน ณ ซุ้มเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ ถ.เยาวราช ในเวลา 17.00 น. ว่า บริเวณถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ตลอดถนนเยาวราชประดับตกแต่งอย่างยิ่งใหญ่ หน่วยงานและร้านค้าต่างๆ ร่วมกันติดป้าย “ทรงพระเจริญ” จนสุดถนนอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งมีการประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือนด้วยผ้าสีเหลืองและม่วงอีกด้วย โดยตั้งแต่ช่วงเช้าประชาชนจากทั่วสารทิศต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลืองเดินทางมาจับจองพื้นที่ริมทางเท้า ตั้งแต่วงเวียนโอเดียน ตลอดแนวไปจนถึงถนนเยาวราช ซึ่งเป็นเส้นทางเสด็จ บางส่วนร่วมถ่ายภาพกับบรรยากาศภายในงาน อาทิ โคมสีแดง และซุ้มเฉลิมพระเกียรติ โดยมีเจ้าหน้าที่นำเสื่อสีเหลืองมาปูให้กับประชาชนได้นั่ง พร้อมทั้งนำธงชาติ และธงพระปรมาภิไธยย่อ ว.ป.ร. มาแจกจ่ายให้ร่วมรับเสด็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้ยังมีประชาชนเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีมาลงที่สถานีวัดมังกรก่อนเดินขึ้นไปถนนเจริญกรุง ซึ่งระหว่างนั้นต้องผ่านจุดคัดกรองประชาชน มีการตรวจค้นอาวุธ และนำบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางลงทะเบียนรับสติ๊กเกอร์เข้าพื้นที่ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ท่ามกลางอากาศเย็นสบายๆ และรอยยิ้ม ทั้งนี้ วัดมังกรกมราวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ ปิดไม่ให้ประชาชนเข้ากราบสักการะตลอดทั้งวัน เพื่อเตรียมพื้นที่รับเสด็จฯ
กระทั่งเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรในเส้นทางต่างๆ ได้แก่ 1.ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่แยกเอสเอบี ถึงถนนข้าวหลาม 2.ถนนพระราม 4 ตั้งแต่แยกหัวลำโพง ถึงแยกหมอมี 3.ถนนมิตรภาพไทย-จีน ตลอดสาย 4.ถนนเยาวราช ตั้งแต่วงเวียนโอเดียน – แยกวัดตึก และ 5. ถนนราชวงศ์ ตั้งแต่ แยกราชวงศ์ – แยกเสือป่า และเปิดจุดคัดกรองทั้งหมด 42 จุดย่อย อาทิ ถนนไตรมิตร สถานีรถไฟฟ้าวัดมังกร แกรนด์ไชน่า แยกเสือป่า และ 1 จุดใหญ่ ที่บริเวณถนนโปริสสภาเพื่อให้ประชาชนได้เข้าจุด โดยมีการสแกน และลงทะเบียนโดยใช้บัตรประชาชน เพื่อรับสติกเกอร์เข้าจุดต่างๆ
นางสาวรัตนา อุปรา อายุ 45 ปี ลูกจ้างร้านขายยาสมุนไพรโบราณ หจก.ลิ้มไจ้เฮง ซึ่งอยู่ตรงข้ามวัดมังกรกมลาวาสเล่าทั้งสีหน้าตื่นเต้นว่า ทำงานที่นี่มา 23 ปี วันนี้ถือเป็นวันที่ยิ่งใหญ่มากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ มาเยาวราชครั้งแรก การเตรียมรับเสด็จฯ มีการเตรียมตัวอย่างดี ตั้งแต่การเทลาดยางมะตอยถนนใหม่ บ้านเรือนก็ต่างตกแต่งสวยงามและทำความสะอาด ส่วนฟุตปาธและต้นไม้ข้างทางก็มีเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดและตัดแต่งเป็นภาพความสบายตามาก
“พระราชวงศ์ เสด็จฯ เยาวราชทุกปี อย่างงานตรุษจีนเยาวราชที่จัดทุกปี แต่ก็ไม่มีงานใดที่จะจัดได้ยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้ ที่มีการจัดนิทรรศการยิ่งใหญ่ สแกนบ้านเรือนทุกหลัง จัดระเบียบความปลอดภัย ความสะอาดได้อย่างงานนี้ อีกทั้งยังมีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลือง เป็นภาพความสามัคคีที่รู้สึกตื่นเต้นมาก” นางสาวรัตนากล่าว
เวลา 14.00 น. ที่บริเวณหน้าวัดมังกรกมลาวาส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนสวมใส่เสื้อสีเหลืองทยอยเดินทางเข้ามาปักหลักเป็นจำนวนมาก ต่างจับจองพื้นที่ริมฟุตปาธเพื่อเฝ้าฯรับเสด็จใกล้ที่สุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า จะนำเสื่อมาปูให้ประชาชนนั่งเฝ้าฯรับเสด็จบนถนน ใน 2 ช่องการจราจรฝั่งตรงข้ามวัดฯ แล้วเหลืออีก 2 ช่องจราจรให้ขบวนเสด็จฯ ทำให้ประชาชนต่างดีใจและปลาบปลื้มที่จะเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด ขณะที่สมาคมตระกูลแซ่ต่างพากันเดินขบวนพาเหรด มีการแสดงมังกรยาว 108 เมตร ยิ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจ
นายกิตติศักดิ์ สอนเสนา อายุ 28 ปี พนักงานเปล โรงพยาบาลศิริราช ตั้งใจลาพักร้อนมาเฝ้าฯรับเสด็จ เล่าด้วยสีหน้าเบิกบานว่า ตั้งใจลาพักร้อนยาวจนถึงวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อตามเฝ้าฯรับเสด็จ ในพิธีสำคัญๆ ที่ยากจะหาชมได้ อย่างวันนี้ที่เสด็จฯเยาวราช ถือเป็นการเสด็จฯ ครั้งแรกของพระองค์ หากมีโอกาสก็ควรได้มาดูสักครั้ง เพราะเมื่อได้มาเห็นบรรยากาศที่มีผู้คนหลั่งไหลจากหัวใจเดียวกัน แล้วจะรู้สึกปลาบปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก ตนจึงรีบมาตั้งแต่ช่วงบ่าย เพื่อนั่งแถวหน้าสุดเฝ้าฯรับเสด็จ ก่อนวันที่ 12 ธันวาคม จะไปเฝ้าฯรับเสด็จ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในการเสด็จฯเลียบพระนครทางชลมารคต่อไป
“วันนี้และวันที่ 12 ธันวาคม จะเป็นวันประวัติศาสตร์ของคนไทยและประเทศ ฉะนั้นขอเชิญชวนคนไทยมาร่วมกันภาคภูมิใจกับพิธีสำคัญและยิ่งใหญ่นี้” นายกิตติศักดิ์กล่าว ก่อนโชว์สมุดบันทึกที่มีสติ๊กเกอร์ระบุหมายเลขผ่านจุดคัดกรองเฝ้าฯรับเสด็จในโอกาสต่างๆ พร้อมข้อความที่เขียนว่าเฝ้าฯรับเสด็จพระองค์ใด ในโอกาสอะไร เพื่อจะบอกเล่าให้รุ่นลูกหลานฟัง
