ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ทรงรับ “หนูนา” ผู้ป่วยมะเร็งก้อนโตที่หัวไหล่ เข้าเป็นคนไข้ในพระอนุเคราะห์ฯ รพ.จุฬาภรณ์

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 กรกฎาคม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับน.ส.ศศินา พิมพ์แพง หรือหนูนา อายุ 18 ปี คนไข้ที่ป่วยเป็นมะเร็งก้อนโตที่หัวไหล่ขวา เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จากโรงพยาบาลนครพนม โดยมีน.ส.ฐิติมา พิมพ์แพง พี่สาวเดินทางมาด้วย ทั้งนี้เมื่อเดินทางมาถึงรพ.จุฬาภรณ์ได้นำน.ส.ศศินาเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยมีแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด จากนั้นศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้เข้ามาดูแลด้วยตัวเอง

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า คนไข้มีก้อนเนื้อที่ไหล่ด้านขวามาประมาณ 1 ปี ในเบื้องต้นมีอาการตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดร้อยละ 70 ถือว่าค่อนข้างดี ส่วนแนวทางในการรักษา ตอนนี้คนไข้มีเลือกออก และอาจจะมีการติดเชื้อ โดยจะให้ยาเคมีบำบัดก่อน แล้วดูอาการ หรืออาจจะต้องตัดก้อนเนื้อออกเลยก็เป็นได้ แต่จะต้องตัดไปถึงแขน ทั้งนี้ในเด็กถ้าทำอย่างนั้นคงไม่เหมาะสมนัก เพราะจะต้องเติบโตและใช้ชีวิตต่อไป เราจึงต้องประเมินด้วยการใช้ยาเคมีบำบัดก่อน จนก้อนเนื้อเล็กลง แล้วจึงตัดก้อนเนื้อที่เล็กออกไป

ศ.นพ.นิธิ กล่าวด้วยว่า จากที่ได้พูดคุยกับคนไข้ คนไข้ ยังคงเข้มแข็ง และมีอาการดีขึ้น ก้อนเนื้อมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุต ไม่ค่อยมีแรง พูดได้เป็นปกติ แต่จะเหนื่อย รวมทั้งไข้ซึ่งไม่ทราบว่าติดเชื้อหรือไม่ คาดว่าใช้เวลารักษาประมาณ 3-4 เดือน พร้อมทำการฟื้นฟูสภาพร่างกายเพื่อให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยตอนนี้ยังไม่เจอการลุกลามไปที่อื่น แต่พบว่าเป็นมะเร็งที่ชื่อว่า อีวิ่งซาร์โคม่า พบไม่ค่อยบ่อยนัก แต่จะพบในเด็ก อาการส่วนใหญ่เป็นก้อน ทั้งนี้ของคนไข้เติบโตเร็วมากในระยะ 3 เดือน มะเร็งชนิดนี้ไม่พบสาเหตุของการเกิด แต่พบว่าเป็นการผิดปกติของยีนส์บางส่วน ไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม สำหรับกรณีนี้สามารถตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดได้ดี แต่ต้องระวังอาการแทรกซ้อน

“สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีรับสั่งเป็นห่วงประชาชน ตอนนี้น.ส.ศศินาได้เป็นคนไข้ในพระอนุเคราะห์ของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะได้รับการดูแลในเรื่องค่าใช้จ่ายและการเป็นอยู่ทั้งหมด สำหรับญาติก็จะดูแลเรื่องที่พักและอาหารให้ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นห่วงประชาชนอยู่แล้ว” ศ.นพ.นิธิ กล่าว

Advertisement

13632741_1064523116948377_1259648984_o

นพ.ธีรภัทธ์ อึ้งตระกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา กล่าวว่า เราจะให้เคมีบำบัดทางน้ำเกลือทุก 3 สัปดาห์ ส่วนใหญ่จะเป็นการให้ประมาณหนึ่งวัน และประเมินทุกรอบของการให้ยาว่าก้อนเนื้อขนาดลดลงหรือไม่ ก็ถ้ายุบลงได้ดี ก็ประสานกับทีมผ่าตัด โดยหลีกเลี่ยงกาารผ่าตัดแขนได้ เพราะหากผ่าตัดตอนนี้ด้วยก้อนหน้าที่ใหญ่อาจจำเป็นจะต้องตัดแขนของเด็กไป สำหรับผลข้างเคียงเคมีบำบัดก็คงมีบ้าง แต่ก็จะให้ยาป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆไว้

เมื่อถามว่าก้อนเนื้อจะยุบหรือไม่ยุบใช้เวลานานเท่าใด นพ.ธีภัทร กล่าวว่า ให้ยาประมาณ 2-3 รอบก็พอประเมินได้แล้ว แต่จริงๆแล้วเราประเมินรอบต่อรอบ ติดตามอาการทุกสัปดาห์ ส่วนใหญ่การให้ยารอบที่ 2 จะเห็นผลแล้ว ระยะเวลาที่จะทราบอยู่ที่ 1-2 เดือน หากถามว่าต้องตัดแขนไหมยังไม่สามารถตอบได้ตอนนี้ คนไข้ส่วนใหญ่หากได้รับยาแล้วก้อนเนื้อก็จะยุบลง เพราะการตอบสนองยาค่อนข้างดีที่ร้อยละ 70

Advertisement

นพ.พิชยา ธานินทร์ธราธาร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมกระดูก กล่าวว่า สำหรับการผ่าตัดนั้นจำเป็นจะต้องประเมิณจากภาวะรองข้างทั้งหมด ไม่เพียงแต่ขนาดเล็กลงเท่านั้น ต้องดูว่าจะส่งผลต่ออวัยวะอย่างเส้นเลือด เส้นประสาท และกระดูกหรือไม่ ที่สำคัญต้องสามารถรักษาแผลของคนไข้ได้ ซึ่งสามารถรอได้หลังการทำเคมีบำบัด ส่วนเรื่องที่คนไข้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทางโรงพยาบาลจะทำการเอ็กซ์เรย์เพิ่มเติม เพื่อประเมินว่ามีการลุกลามหรือไม่ เพราะการที่ดูที่ก้อนเนื้อไม่ได้บอกว่าเป็นระยะไหน แต่เป็นการลุกลามออกมาตรงที่ผิวหนัง

น.ส.ฐิติมา พิมพ์แพง อายุ 26 ปี พี่สาว กล่าวว่า เดินทางมาจากรพ.นครพนม ตั้งแต่ 3 ทุ่มของคืนวันที่ 6 โดยหนูนามีอาการปวดเป็นระยะๆ จากการกระทบกระเทือนบนรถ แต่ก็มีกำลังใจดีมาก และก็รู้สึกดีใจที่ได้เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรักษาโรงมะเร็งโดยเฉพาะ ทำให้รู้สึกอุ่นใจและมีกำลังใจมากขึ้น

“รู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณอย่างมาก ดีใจที่หนูนาได้เป็นคนไข้ในพระอนุเคราะห์ ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ครอบครัวเรารู้สึกมีบุญและมีความหวังมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะสามารถอยู่ต่อไปเพียงอีกวันเดียว หรือวินาทีเดียวก็ยังดี ไม่ได้หวังว่าน้องจะหาย แต่หวังว่าน้องจะได้เข้ารับการรักษา ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย โดยแพทย์เจ้าของไข้ที่ รพ.นครพนม บอกว่า น้องมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ซึ่งน้องก็บอกว่าได้แค่ไหนแค่นั้น น้องมีกำลังใจที่ดี” น.ส.ฐิติมา เผย

น.ส.ฐิติมา กล่าวอีกว่าน้องมีก้อนเนื้อมาประมาณ 8 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ กระทั้งเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ก้อนเนื้อได้ใหญ่ขึ้นจึงได้ไปตรวจที่รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น และพบว่าน้องเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จึงได้เข้ารับการรักษาที่ รพ.นครพนม กระทั่งหนังสือพิมพ์ได้นำเสนอข่าว ทำให้มีคนเข้ามาช่วยเหลือน้องจำนวนมาก ยอดบริจาคตอนนี้ประมาณ 1.2 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้นำไปใช้จ่ายใดๆ จะเก็บไว้ใช้จ่ายในเวลาที่จำเป็น

DSC_6176

พี่สาว
พี่สาว
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image