เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงชื่นชมแพทย์-พยาบาล ‘ฮีโร่’ ช่วยผู้ป่วยโควิด-19 พระราชทานทรัพย์-สิ่งของ รพ.ศิริราช
เมื่อเวลา 14.08 น. วันที่ 1 เมษายน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปพระราชทานสิ่งของส่วนพระองค์ให้กับคณะแพทย์และพยาบาล เพื่อนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา, ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และศาสตราจารย์ แพทย์หญิง มณี รัตนไชยานนท์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ เฝ้ารับเสด็จ ณ หอประชุมคณะแพทย์และพยาบาล ชั้น 2 ตึกอำนวยการ โรงพยาบาลศิริราช
การนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้แก่โครงการนักรบเสื้อขาวสู้ภัย COVID-19 เพื่อจัดหาความคุ้มครองชีวิตให้แพทย์พยาบาลทั่วประเทศ พร้อมทั้งพระราชทานหน้ากากผ้า ตัดเย็บจากผ้าลายกราฟิกทรงออกแบบจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI Bangkok พระราชทานเจลแอลกอฮอล์ของแบรนด์ และน้ำยาฆ่าเชื้อ
โอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานพระดำรัส ความตอนหนึ่งว่า ข้าพเจ้าต้องขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณบรรดาแพทย์ และพยาบาลจากทุกโรงพยาบาล ทุกหน่วยงานทั่วประเทศ ที่เป็นกำลังสำคัญในการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดของโลกในปัจจุบัน
ในช่วงเวลาที่ประชาชนมีความประหวั่นถึงโรคภัยไข้เจ็บเช่นนี้ แน่นอนว่าภาระหน้าที่และความกดดัน ก็จะถาโถมเข้ามายังแพทย์และพยาบาลทุกท่าน ราวกับว่าพวกท่านทุกคนคือนักรบเสื้อขาวและเป็นหน้าด่านที่ต้องสู้รบกับเชื้อโรคนี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของคนไทยทุกคน ข้าพเจ้าตระหนักเป็นอย่างดีว่าเหล่าแพทย์และพยาบาล คงต้องรู้สึกเหนื่อยล้า เครียด และในบางครั้ง อาจจะรู้สึกว่าความเสี่ยงและความรับผิดชอบที่เผชิญอยู่นั้น มากมายเกินขีดจำกัดด้วยเหตุนี้ ในวันนี้ข้าพเจ้าจึงมีความประสงค์ที่จะมาให้กำลังใจแพทย์และพยาบาลทั้งหลาย ผู้เป็นฮีโร่ต่อความอยู่รอดของคนไทยทั้งประเทศในยามนี้ เพื่อแสดงความขอบคุณในหัวใจที่แข็งแกร่งของทุกท่านอย่างสุดซึ้ง
ข้าพเจ้าอยากให้พวกท่านได้รับรู้ว่าความเสียสละทั้งแรงกายและแรงใจของพวกท่านนั้น เป็นที่ซาบซึ้งยิ่งนัก และข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าประชาชนทั้งประเทศไทย ก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างจากข้าพเจ้า ข้อสำคัญในการกระทำใดก็แล้วแต่ในกาลนี้ ก็คือ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยล้าท้อถอยมากเพียงใดก็ตาม ก็ขอให้ประคองสติ มีความรอบคอบและระมัดระวัง ที่จะพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ให้กระจ่างแจ้งทุกแง่มุม แล้วจัดการให้ถูกจุดและถูกขั้นตอน
ข้าพเจ้าเองถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แพทย์ แต่ข้าพเจ้าก็อยากที่จะเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือบรรดาแพทย์และพยาบาลทุกท่าน
ในการสู้ภัยในครั้งนี้ ข้าพเจ้าทราบว่าโรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้ากาก เจล แอลกอฮอล์ และน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ ซึ่งสิ่งของต่างๆ เหล่านี้เปรียบได้กับอาวุธของนักรบเสื้อขาวทุกท่าน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความประสงค์ที่จะมอบหน้ากากและเจลแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI Bangkok รวมไปถึงน้ำยาฆ่าเชื้อ
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ทุกท่านสมบูรณ์พร้อมในร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา สามารถช่วยเหลือรักษาประชาชน ผู้ประสบเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม และพร้อมต่อสู้กับโรคระบาดในคราวนี้ด้วยชัยชนะ เราจะร่วมต่อสู้ด้วยกันเพื่อนำความสงบสุขคืนกลับสู่ประชาชนชาวไทย ต่อจากนั้น ทรงลงพระนามในสมุดที่ระลึก และเสด็จกลับ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวในการกราบทูลตอนหนึ่งว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรชาวไทย แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ที่ใต้ฝ่าพระบาทพระราชทานความห่วงใยและทรงติดตามข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และทรงมีพระประสงค์ที่จะพระราชทานความช่วยเหลือ โดยการพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ หน้ากากผ้าตัดเย็บจากผ้าลายกราฟิกทรงออกแบบแบรนด์ SIRIVANNAVARI Bangkok และแอลกอฮอล์เจล ซึ่งใต้ฝ่าพระบาททรงผลิตด้วยพระองค์เอง ภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI Bangkok เพื่อพระราชทานให้กับแพทยสภา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อส่งมอบต่อให้แก่แพทย์ พยาบาลที่ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ
ขณะที่ นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ต่างซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก ที่พระองค์ทรงห่วงใยในสุขภาพของบุคลากรทางการแพทย์ และได้พระราชทานสิ่งของที่มีประโยชน์และสามารถใช้ได้จริง อันนี้จะเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ให้ได้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ ได้วางแผนนำสิ่งของพระราชทานนี้กระจายในโรงพยาบาลที่มีความจำเป็นก่อน เช่น โรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยเยอะ โดยเฉพาะโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ อย่างโรงพยาบาลสงฆ์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือโรงพยาบาลเด็ก รวมถึงในต่างจังหวัดที่มีผู้ป่วยเยอะ อย่างโรงพยาบาลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โรงพยาบาลในภาคเหนือ ซึ่งคิดว่าเราต้องดูแล และคาดว่าสิ่งของพระราชทานเหล่านี้จะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเป้าหมายไม่เกิน 1 สัปดาห์
