| ที่มา | มติชนรายวันหน้า 23 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
เป็นเวลา 24 ปีแล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล” เพื่อเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในโอกาสจัดงานเฉลิมฉลอง 100 ปีแห่งการพระราชสมภพ 1 มกราคม 2535 ดำเนินงานโดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระราชูปถัมภ์ เพื่อพระราชทานรางวัลแก่บุคคลหรือองค์กรทั่วโลกที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติทางด้านการแพทย์ 1 รางวัล และด้านสาธารณสุข 1 รางวัล
ตลอด 24 ปี มีบุคคลหรือองค์กรได้รับพระราชทานรางวัลแล้ว 70 ราย และในจำนวนนี้ภายหลังได้รับรางวัลโนเบล 4 ราย
สำหรับปีนี้ ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ ศ.นพ.มอร์ตัน เอ็ม มาวเวอร์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา สาขาการแพทย์ และ เซอร์ไมเคิล กิเดียน มาร์มอต จากสหราชอาณาจักร สาขาสาธารณสุข โดยเข้ารับพระราชทานรางวัลจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้ได้รับพระราชทานรางวัล พร้อมคู่สมรส ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร
การนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ มีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า
“การสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์และทางสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นการประดิษฐ์คิดค้น อุปกรณ์และเทคโนโลยี หรือการค้นพบแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพก็ตาม เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ทำให้มนุษยชาติเจริญก้าวหน้าไปโดยไม่หยุดยั้ง ทั้งนี้ เพราะนวัตกรรมต่างๆ ได้ช่วยให้มนุษย์เราสามารถดูแลสร้างเสริมสุขภาพอนามัย และบำบัดรักษาโรคภัยให้สำเร็จ อันเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ตลอดจนพัฒนาความรู้ทางการแพทย์และการสาธารณสุขให้งอกงามไพศาล การที่ ศ.นพ.มอร์ตัน เอ็ม มาวเวอร์ ได้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติชนิดฝังในร่างกาย ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคหัวใจ เซอร์ไมเคิล กิเดียน มาร์มอต ได้เสนอหลักปัจจัยทางสังคมที่มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งมีแนวทางแก้ไขปัญหาสุขภาพอนามัย เพื่อให้ประชากรในประเทศต่างๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั้น นับเป็นการสร้างเสริมความเจริญก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของการแพทย์และการสาธารณสุข รวมทั้งความก้าวหน้ารุ่งเรืองของมวลมนุษยชาติ”
ด้าน ศ.นพ.มอร์ตัน เอ็ม มาวเวอร์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและประทับใจอย่างมาก ความสำเร็จในวันนี้เกิดจากตนได้ทำในสิ่งที่รักและทำอย่างมีความสุข แม้เส้นทางอาจขรุขระบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ จึงทำมาเรื่อยๆ และประสบผลสำเร็จในที่สุด
เซอร์ไมเคิล กิเดียน มาร์มอต กล่าวว่า รู้สึกมีความสุขอย่างมาก รางวัลพระราชทานนี้ได้ให้ความสำคัญกับงานวิจัยชิ้นหนึ่ง และทำให้งานวิจัยได้รับการยอมรับ ยกตัวอย่างไทยใน 20 ปีที่ผ่านมา พบว่าคนไทยมีอายุเฉลี่ยมากขึ้น เนื่องจากคนไทยดูแลตัวเองมากขึ้น รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่ทำให้คนไทยมีความสุข แต่ก็อยากให้มองต่อไปในเรื่องระบบการศึกษา ระบบสาธารณสุขของเด็ก ทำอย่างเป็นระบบจะทำให้เด็กเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพ
นับเป็นรางวัลเพื่อผู้ที่อุทิศตนเพื่อมนุษยชาติ
