ในหลวง พระราชินี พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคราษฎรประสบอุทกภัยพายุซินลากู จ.เลย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 สิงหาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเลย การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี ไปประชุมและติดตามการแก้ไขสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเลย ณ ห้องประชุมโรงเรียนน้ำสวยพิทยาสรรพ์ อ.เมืองเลย จ.เลย
จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 1,050 ถุง ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัยและผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่อ.เมืองเลย อ.เชียงคาน และอ.ปากชม ณ หอประชุมโรงเรียนน้ำสวยพิทยาสรรพ์ อ.เมืองเลย จ.เลย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจ
โอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัย กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเจ้าหน้าที่ให้ทราบ ตลอดจนลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัย และผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่บ้านสูบ ต.น้ำสวย อ.เมืองเลย จำนวน 10 ครอบครัว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก โดยเป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ พร้อมกับพูดคุยให้กำลังใจ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารพระราชทานให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยและเจ้าหน้าที่ที่มาให้ความช่วยเหลือ ได้รับประทานอาหารที่ใหม่ สด ถูกสุขอนามัย ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น โดยผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจิตอาสาพระราชทาน ได้เร่งให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซม และฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร ถนน และพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายเป็นการเร่งด่วน แล้ว
ทั้งนี้ จังหวัดเลย ได้รับอิทธิพลจากพายุโซร้อนซินลากู (SINLAKU) และหย่อมความกดอากาศต่ำแพร่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2563 ทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นวงกว้าง ในพื้นที่จังหวัดเลย เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ทำให้บ้านเรือนราษฎร ทรัพย์สิน ถนน สะพาน และพื้นที่ทางการเกษตรในพื้นที่ 4 อำเภอ รวม 12 ตำบล 73 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,204 ครัวเรือน
