ในหลวง มีพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติหน้าที่ ‘ผู้พิพากษา-ตุลาการศาลปกครอง’

ในหลวง มีพระราชดำรัส ผู้พิพากษา-ตุลาการศาลปกครอง ‘ปฏิบัติหน้าที่ให้เหมาะสมความจริงที่เป็นอยู่’

เมื่อเวลา 18.27 น. วันที่ 29 ตุลาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าฯ ตามลำดับดังนี้

นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษา รุ่นที่ 70 และรุ่นที่ 71 จำนวน 216 คน เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้ มีพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า

“คำปฏิญาณป็นคำที่เป็นสิ่งเตือนใจ หรือเป็นแนวทางที่จะปฏิบัติหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่นั้น นอกจากความรู้ วิชาการ ความสามารถที่ได้รับการฝึกอบรมมา ต้องอาศัยดุลยพินิจ อาศัยสติปัญญา อาศัยสติและเหตุผล ตลอดจนรู้จักวิเคราะห์อะไรถูก อะไรไม่ถูก และตีบทกฎหมายให้เกิดความยุติธรรม ท่านทั้งหลายจะต้องพบกับประสบการณ์ต่างๆ ที่เข้ามา และปัญหาต่างๆ เชื่อว่า ด้วยความคิดหรือทัศนคติที่เป็นบวกต่อประเทศชาติ ความคิดดี ต่อประชาชน และส่วนรวม ก็จะเสริมความรู้ เสริมความสามารถที่ท่านได้มีอยู่ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้ได้ สามารถจะเอาชนะอุปสรรคหรือปัญหาต่างๆ ด้วยความถูกต้อง ด้วยความสงบสุข ความเป็นสุขของประชาราษฎรและประเทศชาติ ก็ขอเอาใจช่วย และขอให้ท่านทั้งหลายได้ประสบในสิ่งที่ท่านหวังไว้ในทางที่ดี และสามารถเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ประชาชน และส่วนรวมได้ต่อไป”

Advertisement

จากนั้น เวลา 18.40 น. พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะ เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน ซึ่งเป็นรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการแข่งขัน “ไตรกีฬานาวีเฉลิมพระเกียรติซีซั่น 2 : มรรควิถีผู้กล้า ด้วยรักและศรัทธา ล่องธาราสู่มหาชลธี เดอะซีรีส์” โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

ต่อมาเวลา 18.49 น. นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองชั้นต้น เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในการนี้ พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า

ขออำนวยพรและเป็นกำลังใจให้ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติหน้าที่ ได้มีอนาคตในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยกำลังใจและความเข้มแข็ง ตลอดจนด้วยปัญญาที่ได้รับการศึกษาเรียนรู้มาในภารกิจที่สำคัญนี้ เพื่อความสุขร่มเย็นของประชาชนชาวไทย เพื่อความยุติธรรมในสังคม และความก้าวหน้าของประเทศชาติ ก็ขอให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีปัญญาที่ดี และสามารถนำความรู้ความสามารถที่ได้ศึกษามาใช้ให้เหมาะสมกับกฎหมายและกาลเทศะหรือความจริงที่เป็นอยู่ นี่คือการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและส่วนรวม ก็ขอให้ท่านได้สมดั่งใจปรารถนาทุกประการ”

จากนั้น เวลา 19.12 น. ศาสตราจารย์เกียรติยศ นายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ ประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร นำนักการสาธารณสุขดีเด่น ประจำปี 2562 เฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัลชัยนาทนเรนทร ในโอกาสนี้ คณะกรรมการมูลนิธิ ฯ และคณะกรรมการรางวัลฯ ร่วมเข้าเฝ้าฯ ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image