‘ในหลวง’ พระราชทานสัมภาษณ์เยาวชนจิตอาสาครั้งแรกอย่างทรงเป็นกันเอง (อ่านฉบับเต็ม)

‘ในหลวง’ พระราชทานสัมภาษณ์เยาวชนจิตอาสาครั้งแรกอย่างทรงเป็นกันเอง

เมื่อเวลา 20.11 นาที วันที่ 12 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ไปยังศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 บางเขน กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เขตบางเขน ทอดพระเนตรการฝึกปฏิบัติและดูงานศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 บางเขน โครงการค่ายผู้นำเยาวชนจิตอาสา “LOVE CAMP” Leadership – Oneness – Volunteer – Expert หลักสูตรการฝึกปฎิบัติและดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย รุ่นที่ 1 โดยมีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาทั่วประเทศเข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 271 คน

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส แก่เยาวชนโครงการค่ายผู้นำเยาวชนจิตอาสาความว่า

“ในค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนแห่งความสุข ความสบายใจ และก็เป็นที่น่ายินดีที่ได้มาพบกับพวกเรา และทุกคนได้มารวมกันในบรรยากาศที่สบายๆ น่าอบอุ่นที่นี้  ในการที่ได้มาเข้าหลักสูตรจิตอาสา หรือได้เกิดได้มีประสบการณ์ ตลอดจนได้พบปะสังสรรค์กัน เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่ามีสิ่งที่สำคัญก็คือทุกคนอยู่ในวัยอยู่ในห้วงที่หนุ่มสาวแข็งแรง สดใส และที่สำคัญมีชีวิตอีกยืนยาวไปข้างหน้า นั้นก็คือมีโอกาสที่จะมีชีวิตที่มีความสุขความสบายใจ ความสดใสแข็งแรงไปอีกนานแสนนาน พูดถึงทุกคน ทุกคนต้องการบ้านที่ปลอดภัยที่อบอุ่นทุกคนต้องการเพื่อนและญาติมิตรที่รักใคร่และหวังดีตลอดจนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน”

“ประเทศชาติ ก็คือ บ้านแบ่งเป็นพื้นที่ต่างๆ สังคมต่างๆ ก็ลงไปอยู่ที่พื้นฐานคือครอบครัว และลงอยู่ที่ตนเอง บ้านเมืองของเราประเทศของเราหรือบ้านครอบครัวของเราจะมีความสุขปลอดภัยน่าอยู่สบาย มันก็ขึ้นกับคนรุ่นเราในอนาคต ก็เหมือนกับที่ผ่านๆ มาผู้ใหญ่รุ่นก่อนเขาก็พูด”

Advertisement

“อย่างข้าพเจ้าก็เคยเป็นเด็กมาก่อน เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน เคยเรียนรู้ลองถูกลองผิดต่างๆ มามาก แต่ผู้ใหญ่เขาก็แนะนำเขาก็ชี้แนะ และเขาก็พูดแบบนี้ว่า อีกหน่อยอนาคตของชาติบ้านเมือง หรือของครอบครัว เอาแค่ครอบครัวก่อน ครอบครัวอีกหน่อยเราก็จะเป็นหัวหน้าครอบครัว อีกหน่อยเราก็จะแยกครอบครัวไปสร้างครอบครัว อนาคตอยู่ที่พวกเรา ประเทศชาติบ้านเมืองมีความสุขมีความมั่นคงก็อยู่ที่พวกเรา เพราะฉะนั้นประสบการณ์ที่ดี ประสบการณ์ที่ถูก สำคัญ ถ้าเผื่ออยากรู้ว่าอะไรที่มันถูก มันผิดมันก็มีตัวอย่าง ซึ่งสมัยนี้คนไม่ค่อยชอบเรียนประวัติศาสตร์กัน คนไม่ค่อยคิดอะไรย้อนหลัง ไม่ได้สอนให้เป็นคนสมัยเก่าไดโนเสาร์อะไร แต่ความเป็นมาความต่อเนื่อง

“ชีวิตของเราก็มีความต่อเนื่องความเป็นมา ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์หรือความเป็นมาของชาติบ้านเมือง ทั้งที่ดี ทั้งที่ไม่ดี เราก็จะรู้ว่าอะไรมันดีอะไรเป็นประโยชน์ อะไรมันไม่ดี เพราะว่ามันมีของดี มันก็มีของไม่ดี มันมีของถูก มันก็มีของผิด ก็สำคัญที่ว่า จะเปิดใจศึกษาว่าอะไรมันถูก อะไรมันผิด อะไรมันเป็นประโยชน์ อะไรมันไร้ประโยชน์ แต่อย่างที่บอกว่าประวัติศาสตร์มีทั้งของเลวชั่วร้าย และก็มีทั้งของที่ดี”

“แต่ที่สำคัญคือเราต้องเอาบทเรียนมาใช้ และเราเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เพราะเราคืออนาคต ประวัติศาสตร์มาปัจจุบัน ปัจจุบันก็คืออนาคต ปัจจุบันถือไมโครโฟนพูดกับเราอยู่ เอาวางก็ไม่ได้ยินแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ถืออยู่ อนาคตจะกลับขึ้นมาอีก ก็เป็นปัจจุบัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือปัจจุบัน คือสิ่งที่เราทำอยู่นี้ เพราะว่าที่ทำอยู่นี้ก็จะได้ผล”

Advertisement

“อย่างเช่นตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ตั้งใจหาความรู้ตั้งใจ หาเหตุผลว่าอะไรมันถูก อะไรจะดีกับส่วนรวม มันก็จะมีผลดีกับอนาคต ถ้าเราไม่เรียนเราเที่ยวอย่างเดียว หรือเราไปฟังอะไรที่มันไม่ถูกต้อง โดยไม่คิดพิจารณาว่า อะไรถูก หรือไม่ถูก เราก็ออกนอกลู่นอกทาง พอเราจะกลับเข้าลู่เข้าทางมันก็เสียเวลาไป เพราะฉะนั้นปัจจุบันก็คือเป็นสิ่งที่ทำให้อนาคตดี”

“อนาคตดีของพวกเรา เริ่มต้นที่ตัวเองก่อนว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรง รักหมู่คณะ รักครอบครัว รักหมู่คณะ หาความรู้ประสบการณ์ทั้งวิชาการ ทั้งทักษะความสามารถต่างๆ งานอดิเรกดนตรี ภาษา หรือสิ่งที่น่าจะทำมีอีกตั้งเยอะแยะ รักเพื่อน รักบ้าน รักชุมชน และก็เน้นอีกทีหนึ่งคือ เรียนประวัติศาสตร์ เรียนอ่านประวัติศาสตร์กันบ้าง เพื่อให้รู้ความเป็นมาว่า มันเป็นอย่างไร หรือทุกวันนี้ เราก็เห็นได้ว่า อะไรมันดี อะไรมันไม่ดี”

“อย่างนึกถึงนิดหนึ่งตลอด70 ปีของรัชกาลที่ 9 ที่ผ่านมาระลึกถึงท่านหน่อยว่า ท่านเริ่มอย่างไร ท่านทำอะไรมาบ้าง และท่านทำอะไรมา เพราะอะไร และมีผลอะไรดีต่อชาติบ้านเมืองบ้าง เรานึกถึงพระองค์ท่าน รัชกาลที่จบไปนี้ เราอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะรัชกาลของพระองค์ท่านด้วยใช่หรือไม่”     “นี่คือเรื่องจริง เราเป็นลูกท่าน เราก็ได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เป็นเด็ก ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ท่านก็ดึงกลับเข้ามา เข้าทางการเรียนท่านก็จัดให้ ก็มาคิดสำนึกที่ท่านสั่งสอนมา ไม่งั้นก็อาจจะตกท่อตกคูไปแล้วก็ได้”

“เพราะฉะนั้นเรามีโอกาสที่จะตั้งใจเล่าเรียน หางานที่ดีทำประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อส่วนรวม ทำประโยชน์ต่อส่วนรวมไม่จำเป็นต้องเป็นทหารไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการ ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมให้เพื่อนร่วมชาติของเรา หรือร่วมสังคมของเรามีความสุข อะไรที่มันไม่ค่อยดีหรือคิดว่าไม่ค่อยดีก็ดูพิจารณา ถ้าเห็นว่ามันไม่ค่อยดีก็ละเว้น อะไรที่เห็นว่าดีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ปฏิบัติ เพราะความไม่ดีนี้นะ ความไม่ดีความบิดเบี้ยวไปจากความจริง หรือความที่ทำให้ชาติบ้านเมืองเดือดร้อน มันไม่จีรังถาวร มันก็มาแล้วคนก็ตื่นเต้นไป แล้วพิจารณาเหตุผลดี หรือไม่ดีถ้าไม่ดี มันก็ไป นี่พูดความจริง”

“เรามีโอกาสอีกเยอะ ที่จะสร้างความดีให้แก่ชาติบ้านเมืองให้แก่สังคม เป็นอะไรก็ได้ ทำอาชีพอะไรก็ได้ เรียนอะไรก็ได้ แต่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเราหรือเปล่า ประเทศชาติเราหรือเปล่า เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวเราหรือเปล่า และที่สำคัญเป็นประโยชน์กับตัวเองหรือเปล่า เพราะว่าชีวิตนี้ บางทีมันผ่านมา ผ่านไปเร็วมาก อย่างข้าพเจ้าแป๊บเดียว เผลอแป๊บเดียวก็จะ 70 แล้ว ก็ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำหลายอย่าง เสียใจว่าไม่ได้ทำ เสียใจแปลว่าน่าจะทำ แต่ก็ไม่เป็นไร ก็ไม่ต้องเสียใจ ก็ทำเดี๋ยวนี้ก็ได้”

“แต่อายุ เวลา มันผ่านไปเร็ว วันนี้ก็ยังอยากจะกลับไปอายุเท่าพวกเรา แต่ก็ไม่สามารถ พวกเรายังมีเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่ออยากได้ประสบการณ์ เรียนลัดก็คือศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมามากๆ แล้วเราก็จะได้เรียนลัด สมัยก่อนอันนี้มันเป็นอย่างนี้ ทำอย่างนี้มันเป็นอย่างนั้น แล้วปัจจุบันเราจะทำอย่างไงให้เรามีความรู้มีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่จะรักษาประเทศชาติบ้านเมือง”

“ก็ลองไปคิดถึง 70 ปีของรัชกาลที่ 9 ดูไปอ่านมา ไปคิดมาว่าท่านทำอะไรบ้าง ทั้ง 2พระองค์ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทำอะไรบ้าง และเรามีอะไรบ้างที่สืบเนื่องมาจากท่าน เราไปคิดดู ไม่ได้บังคับให้คิดนะ ลองไปคิดดู เราเป็นกำลังของชาติ ก็ไม่อยากเอาทฤษฎีมาพูด เราเป็นกำลังของชาติ เราเป็นกำลังของตัวเองเรา ทำดีมันก็อยู่ที่ตัวเอง เราทำดีมันก็สะท้อนไปถึงส่วนรวมด้วย”

“ถ้าเราเลอะเทอะเละเทะทำร้ายประเทศชาติหรืออะไรต่างๆ ก็ทำร้ายตัวเอง ที่เขาสอนมันเริ่มที่ตัวเอง และผลจากตัวเองมันก็มาจบที่ตัวเอง จำคำนี้ไว้ เริ่มที่ตัวเองจบที่ตัวเอง ไม่ว่าดีหรือไม่ดี คือพูดให้ฟังแล้ว ก็ไม่ได้ขอให้เชื่อด้วย เป็นความคิดเฉยๆ ที่พูดมาทั้งหมดกับพวกเรา สร้างตัวเองหาวิชาความรู้ที่จะเป็นประโยชน์กับตัวเองทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน ก็ไม่ได้ให้เบื่อ ให้น่าเบื่อ”

“สมัยก่อนผู้ใหญ่บอกให้เรียน ขอให้ตั้งใจเรียน ก็คิดเหมือนกันว่า น่าเบื่อ ทำไมเขาถึงพูดอย่างนี้ ไม่อยากเรียน ให้เป็นอย่างนู้น เป็นอย่างนี้ ก็ไม่อยากเป็น แล้วมาคิดดูว่า ที่เขาพูดมานี้ เราลองทำดูนี้ อาจจะเป็นประโยชน์กับเราก็ได้”

“สมัยก่อน เป็นนักเรียน ผู้ใหญ่บอกอย่างนี้ บางทีก็ ทำไมมาพูดอย่างนี้ ไม่อยากทำ ยิ่งไม่ทำ ตัวเองก็เดือดร้อน ตัวเองอย่างน้อยก็ต้องมาสอบซ่อม หรือโตขึ้นมาอยากจะเล่น อย่างเช่น อยากเล่นดนตรีได้ดี ก็เสียใจว่า ผู้ใหญ่เป็นนักดนตรีชั้นยอดมาสอนด้วยตัวเอง แล้วเราไม่ตั้งใจเรียน ไม่อยากเรียน ก็ปัจจุบันนี้ ก็ยังเล่นดนตรีไม่ได้ดี หรือเล่นไม่ได้อะไรทำนองนี้”

“ท่านเคยบอกว่า เราควรจะมีงานอดิเรก ควรจะมีความสามารถพิเศษบ้าง ก็ไม่เอา ก็เสียใจทีหลังว่า เราไม่มีทักษะในงานอดิเรกอะไรต่างๆ พวกนี้ก็ลองไปคิดเอาเอง จิตอาสานี้ก็เป็นสถานการณ์สมมุติ ที่เขาเอาเรื่องต่างๆ มาให้เราทำ ให้เราฟังให้เราปฏิบัติ ก็เหมือนการเรียนทั้งหลายเป็นการสมมุติสถานการณ์ มันอยู่ที่ตัวเอง ที่จะต้องออกไปติดตาม ไปศึกษา ก็มันอยู่ที่ตัวเอง ที่จะต้องศึกษา ว่าอะไรคือถูก อะไรไม่ถูก”

“ยิ่งกว่าถูก ไม่ถูก คืออะไรมันจริง อะไรมันไม่จริง ถ้าคนแน่จริง เขาเชื่อความจริงเขาทำตามความจริง เขาไม่ได้เชื่อข่าวลือข่าวลวง ใครพูดว่าอย่างไร แน่จริง ความจริง ชนะเสมอ เราจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อสังคมของเรา ก็อยู่ที่ความหนักแน่นของเรา แล้วก็ฝากไว้นิดหนึ่ง นึกถึงแผ่นดินรัชกาลที่ 9 เอาไว้ ถ้าเราคิดเรื่องนี้ได้หลายๆ อย่าง จะตอบปัญหาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ท่านทำอะไรมาบ้าง เราไปศึกษาดูสิ เราจะได้คำตอบ เวลาที่เราอาจจะยังไม่ได้มาก่อนก็ได้ ที่อยู่มาได้เดี๋ยวนี้ ก็เพราะแผ่นดินที่แล้วนี้ล่ะ และก็แผ่นดินก่อนๆ อาจจะหาว่า เต่าล้านปี ไดโนเสาร์ ลองไปศึกษาดู คำตอบจะอยู่ในนั้นน่ะ”

“เราก็พูดแค่นี้แหละ คนก็พูดใส่เรามามากแล้ว ต้องเป็นอย่างนี้ต้องเป็นอย่างนั้นต่างๆ ก็ขอให้มีความสุขความเจริญ แล้วก็อยู่ในความจริง อยู่ในเหตุผล อยู่ในความจริง อยู่ในเหตุผล ทุกคนรักบ้าน ทุกคนไม่อยากเห็นบ้านแตก ทุกคนไม่อยากเห็นขโมยขึ้น ทุกคนไม่อยากให้โจรปล้นบ้าน เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาบ้านเมืองของเราให้ดี รักษาบ้านของเราให้ดีขอให้มีความสุขความเจริญ รักพวกเราทุกคนนะ”

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ตัวแทนคณะผู้นำเยาวชนจิตอาสาร่วมพูดคุยซักถามในเรื่องต่างๆพร้อมพระราชทานสัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง

นางสาวพรรณนิษา : หนูและเพื่อนรู้สึกดีใจมากๆนะคะที่ได้พบหน้าของพระองค์ทั้งสองและก็ขอขอบคุณโอกาสที่ให้กับพวกเราทุกคนในวันนี้ที่พวกเราได้มาเรียนรู้การฝึกปฏิบัติได้ศึกษาดูงานเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงทำให้เราได้รับความรู้ในเรื่องของทฤษฏีในเรื่องของการบริหารจัดการเรื่องของน้ำท่วมน้ำแล้ง การช่วยเหลือผู้ป่วย ทั้งทางดิ่ง และอะไรต่างๆ และอีกเรื่องหนึ่งในส่วนของการอบรมจิตอาสาพระราชทาน พวกหนูและเพื่อนๆ ขอสัญญาว่า จะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับนำ กลับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วก็นำไปถ่ายทอดให้กับคุณครูเพื่อนๆและก็พีๆน้องๆผู้ปกครองคนอื่นที่รออยู่ที่บ้านของพวกเราด้วยค่ะ

ในหลวง : ก็ดี เอาไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ให้เหมาะสมกับกาลเทศะ เอาไปต่อยอดจากสภาพจริง เอาความรู้ไปประยุกต์แก้ไขดี และเราก็เอาของที่เรียนรู้ไปใช้ ขอบใจมาก

น้องโบอี้ : ในหลวงทรงงานเพื่อประชาชนตั้งมากมาย ในบางวัน หรือบางเวลา ในหลวงมีความท้อมีความเหนื่อยไหม

ในหลวง : ก็เหมือนมนุษย์ทั่วไปบางวันก็ท้อ บางวันก็เสียใจ บางวันก็แทบจะไม่อยากต่อสู้กับความไม่ดี แต่ก็เป็นของธรรมดา เราก็ต้องรู้ว่ากำลังใจไม่ได้มาจากเวลาที่เราแข็งแรงที่สุด กำลังใจ ความมั่นใจ มาจากสิ่งที่ได้รับการอบรม โดยความเชื่อที่ถูกต้อง เวลาท้อก็ต้องเอาเหตุผลขึ้นมาพิจารณา เอาอุดมการณ์ขึ้นมาพิจารณา แล้วก็ทำต่อไป ไม่มีใครไม่มีความท้อ แต่อย่าให้ความท้อนั้น เป็นมารดึงเราลงไปได้ มันต้องท้อ มันต้องเบื่อ มันต้องเครียด มันต้องเสียใจ เป็นของธรรมดา แต่เมื่อมีอุดมการณ์ มีความรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง มีความรู้แจ่มแจ้งในความจริง ความรู้เรื่องสำนึกในหน้าที่เราก็ไปได้ ไม่มีใครบอกว่า แฮปปี้ มีความสุขตลอด มันก็ต้องมีความท้อ ก็ไม่ต้องให้ความท้อมาเป็นนายบั่นทอนเราได้ โอเคไหม (ทรงสรุปด้วยพระสุรเสียงที่เป็นกันเอง)

น้องยุ้ย : อยากจะให้พระองค์ให้คำสั่งสอนหรือให้แนวทางกับเยาวชนจิตอาสา 904 เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์พระเจ้าค่ะ

ในหลวง : จิตอาสาก็เป็นของตัวอย่าง เราก็ไปศึกษาไปปฏิบัติต่อ คือไปเป็นพลเมืองที่ดี ที่จะต้องนึกถึงส่วนรวมเพื่อส่วนรวม และก็ทางเราก็พร้อมที่จะสนับสนุนพวกเรา แยกย้ายกันกลับไปบ้าน ก็ต้องไปเป็นกำลังให้กับพี่น้องในครอบครัวไปเป็นเชื้อที่ดีของประเทศชาติ ก็อย่างที่บอกว่า พวกเราอยากได้บ้านที่ดี บ้านที่อบอุ่น บ้านที่สวย ไม่อยากได้บ้านที่รั่ว ไม่อยากได้บ้านที่มันพุพัง เราก็คือบ้านสมาชิกในครอบครัวคือบ้าน ประเทศคือบ้านเราจะดี ไม่ดี ก็อยู่ที่พวกเรานี้ล่ะ อะไรที่ไม่ดี ไปคิดกันเอาเอง อะไรที่ทำให้บ้านพัง อะไรที่มันชั่วร้าย ก็ไม่ต้องไปทำ ทำแต่สิ่งที่ดี ความชั่วร้ายมันก็จะหายไปเอง

น้องวิทย์: ผมเป็นคนกระเหรี่ยงที่ได้รับโอกาสที่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับผมครับ อยากจะขอบคุณในหลวง สัญญาว่าจะเป็นเด็กดีของโรงเรียน และต่อไปจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมครับ ขอบคุณครับ

ในหลวง :ขอบคุณในความคิดที่ดี ทุกคนมีความคิดที่ดี เรามีความคิดที่ดี บ้านเมืองปลอดภัยแล้ว

ใจเพชร :กระผมขอพูดความในใจ (พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพราะความตื่นเต้น)

ในหลวง :พูดดังๆหน่อย (พระสุรเสียงที่เต็มไปด้วยความเมตตา)

ใจเพชร : รู้สึกดีใจและมีความสุขมากในวันนี้ที่ได้เจอในหลวงและพระราชินี กระผมได้เรียนรู้ได้ศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ก็เพราะพระองค์ที่ให้โอกาสกับพวกผม พวกผมอยากจะขอบคุณพระองค์ด้วยการตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีของพ่อแม่ และเป็นที่คนดีของสังคมตลอดไปครับ

ในหลวง : ขอบคุณมาก ขอบคุณมากลูก ที่มีความตั้งใจ ขอให้ความตั้งใจที่ดี เป็นพลังเพื่อผลักดันให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเราจะเจริญรุ่งเรืองด้วยการทำสิ่งที่ดี เพราะสิ่งที่ดีเป็นสิ่งถาวร สิ่งที่มันชั่วร้ายไม่ถาวร ความจริงถาวร

น้องแหม่ม : หนูเป็นนักเรียนทุน ม.ท.ศ.รุ่นที่ 11 ค่ะ ก่อนอื่นหนูอยากจะพูดความในใจก่อน หนูเป็นเด็กต่างจังหวัดเป็นเด็กจังหวัดสิงห์บุรีนะคะ บ้านก็อยู่ชานเมืองพ่อแม่ก็แก่แล้วก็ทำนานี้ละคะ ก็คือหนูได้รับโอกาสจากพระองค์ พระองค์พระราชทานโอกาสให้หนูหลายครั้งมาก หลังที่พี่สาวเข้าโรงพยาบาล ครอบครัวหนูก็ตกอยู่ในความทุกข์ พ่อแม่ไม่ยิ้มกับหนูเลย พอพ่อแม่รู้ว่าหนูได้รับทุน หนูดีใจมาก พ่อแม่ยิ้มกับหนูเป็นรอยยิ้มครั้งแรกที่แม่มอบให้หนู และทำให้หนูมีความสุขมากๆ (น้ำเสียงนั่นเครือ) ทำให้หนูต้องการสู้ต่อไป หลังจากที่ได้รับมอบโอกาสจากพระองค์ก็อยากจะขอขอบพระคุณมากๆค่ะ หลังจากที่หนูได้รับโอกาส หนูรู้สึกว่าโอกาสต่างๆ มันเข้ามาในชีวิต ทำให้ชีวิตหนูเปลี่ยนแปลงไปมากเลยค่ะ โอกาสที่ได้เจอกับเพื่อนๆ ทั่วประเทศ โอกาสที่ได้รู้จักคนมากมาย ทั้งครูฝึกต่างๆ และหนูรู้สึกดีใจมากๆค่ะ โดยเฉพาะโครงการจิตอาสาพระราชทานนี้ ทำให้หนูอยากสู้ต่อไป อยากเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศให้เจริญยิ่งขึ้นค่ะ

ในหลวง : ทุกคนเป็นกำลังใจให้หนู (ทรงปรบพระหัตถ์เพื่อพระราชทานกำลังใจ) และก็เป็นกำลังใจให้ทุกคน อย่างน้อยพระเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จ ก็เป็นกำลังใจให้ทำความดี ทุกคนต้องมีความเดือดร้อน ทุกคนต้องมีปัญหา แต่ในประเทศไทยนี้นะ มีมานานแล้วซึ่งประเทศอื่นไม่มี คือคนไทยเป็นประเทศที่ใจดีที่สุด คนไทยเป็นคนที่มีน้ำใจ คนไทยรักพี่น้องและก็ช่วยกัน แต่คนไทยจำเป็นต้องมีวินัย คนไทยจะต้องนึกถึงส่วนรวม จะต้องนึกถึงกฎเกณฑ์ที่มันถูกต้อง กฎเกณฑ์อะไร กฎเกณฑ์ที่จะทำให้เรามีความสุขและปลอดภัย ทำหน้าที่พลเมืองที่ดี ทุกคนรักหนู ทุกคนพร้อมที่จะให้โอกาสจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น

กำปั้น : ในวันนี้ พวกเราทุกคนได้รับโอกาสได้รับความรู้ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ในอนาคตพวกเราจะต้องนำความรู้นี้ ไปใช้ไปพัฒนาประเทศให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองความก้าวหน้า พวกเราทุกคนจึงอยากจะขอหลักในการดำเนินชีวิตจากพระองค์ครับ

ในหลวง : เราก็ได้รับการสอนแล้วก็คือ คิดถึงส่วนรวม คิดถึงคนรอบตัวเรา แล้วก็คิดถึงว่าบรรพบุรุษหรือผู้ที่ไปก่อนเราแล้วได้ทำอะไรมาให้เราหลายๆอย่างที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะบรรพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือท่านต่างๆได้ทำให้เราทำให้ไว้มาก แนวทางไปศึกษาว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทำอะไรไว้บ้าง และท่านได้สั่งสอนเราไว้อย่างไรบ้าง ศึกษาด้วยปัญญา แล้วก็ดูว่ามันจริงหรือไม่ ที่ท่านรับสั่งบ้านเมืองเรานี้ผ่านเรื่องร้ายกาจต่างๆ มาก็เยอะแล้ว ก็รอดมา ทำไมเพื่อนบ้านรอบเราไม่รอด หรือกลายพันธุ์ ทำไมคนไทยเราไม่กลายพันธุ์ เพราะถ้าคนไทยเราจะกลายพันธุ์ คำว่ากลายพันธุ์คงเข้าใจ คนไทยเราเป็นเผ่าวิเศษ มีความเป็นไทย เรารอดมาเพราะความเป็นไทย ไปศึกษาคุณภาพของความเป็นไทยว่ามันคืออะไร ความมีน้ำใจของคนไทย ประเพณีวัฒนธรรมของคนไทยมีอะไร เพราะถ้าเราไม่กลายพันธุ์ เราก็จะไปได้ดี ความรู้ที่ดีได้วิชาศาสตร์ต่างๆ เอาไปใช้ให้ดี มันก็จะเป็นแนวทางที่ดี ไปศึกษาว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 ท่านว่าอย่างไรบ้าง เราเน้นเท่านี้

น้องวิ : ข้าพระพุทธเจ้ามาจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ฯ 57 จังหวัดเพชรบูรณ์ค่ะ วันนี้หนูก็ดีใจมากค่ะได้ที่มาเข้าร่วมโครงการอบรมจิตอาสานี้ค่ะ และก็หนูก็เป็นชาวเขากลุ่มเล็กๆ ที่ได้รับโอกาสจากพระองค์ ได้รับการศึกษาที่ดีค่ะ เพราะว่าแต่ก่อน เขาจะชอบพูดว่า ถ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคตแล้วรัชกาลที่10 ไม่ชอบคนม้ง แล้วก็จะประหารชีวิตคนม้ง ไล่พวกหนูออกจากประเทศ หนูกลัวมากเลยค่ะ กลัวจะไม่มีประเทศอยู่ ไม่มีที่เรียนหนังสือ แต่เวลาผ่านไปพวกหนูก็ยังอยู่ดีมีสุข และก็ยังมีแผ่นดินให้อยู่ค่ะ และหนูขอสัญญาค่ะว่า หนูจะเป็นเด็กดี หนูจะตั้งใจเรียน จะนำความรู้และโอกาสดีๆ ที่หนูได้รับไปส่งต่อให้กับพี่น้องในหมู่บ้านหนู อยากจะเป็นครูค่ะ เพราะว่าหนูอยากไปพัฒนาหมู่บ้านตัวเอง หนูอยากให้เด็กๆในหมู่บ้านมีโอกาสแบบหนูทุกคนค่ะ แล้วก็อยากให้ทุกคนในหมู่บ้านมีชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ เพราะว่าหมู่บ้านหนูอยู่ห่างไกล และก็เป็นถิ่นทุรกันดาร ไฟฟ้าเพิ่งมาถึงได้ไม่กี่ปี สัญญาณโทรศัพท์ก็เพิ่งมีได้ไม่กี่ปีเหมือนกันค่ะ และก็น้องๆที่หมู่บ้านขาดแคลนการเรียนรู้ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้หนูอยากเรียนครูเพื่อกลับไปพัฒนาน้องๆที่อยู่ที่หมู่บ้าน

ในหลวง : ทุกคนเป็นคนไทยมีสิทธิ์มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ในแผ่นดินนี้ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด เราทุกคนคือคนไทย อย่าไปคิดว่าหนูเป็นคนอื่น หนูเป็นคนไทยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย หนูต้องนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์

เยาวชนที่เคยพระราชทานขอถ่ายเซลฟี่เมื่อวันที่ 1 พ.ย. : กระหม่อมศึกษาอยู่โรงเรียนวัดราชบพิธ ก็มีโอกาสเจอพระองค์บ่อยครั้ง เหตุการณ์ตอนนั้นอาจยังไม่สามารถขอถ่ายรูปกับพระองค์ได้ เมื่อก่อนสมัยที่เรียนอยู่วัดราชบพิธ สมเด็จพระสังฆราชก็อบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี แต่พอเราโตมาในยุคโซเชียลก็มีข่าวใส่ร้ายพระองค์มากเหลือเกิน มันก็มีข่าวลือ ข่าวใส่ร้ายให้พระองค์เยอะแยะ กระหม่อมก็เคยคิดลบกับพระองค์จนในชีวิตกระหม่อมมีโอกาสได้พิสูจน์ที่สนามหลวง จึงมีโอกาสได้รับรู้พระเมตตาของพระองค์ที่ทรงมีต่อเยาวชนไทย

ในหลวง : ข่าวดีก็มี ได้ข่าวไม่ดีก็มีได้ พวกเราต้องไปแยกแยะกันเองว่า อะไรเป็นข่าวดี หรือข่าวไม่ดี ไอ้เราก็ไม่ได้เคยโฆษณาตัวเองว่าดีหรือไม่ดีมันก็อยู่ที่พวกเราทุกคนตัดสินเอาเอง แต่สิ่งที่ขอก็คือ ขอให้เราชั่งใจให้ดีเป็นใช้ได้ ได้รับข่าวดีก็ต้องถามว่าอะไรมันดี ข่าวลบ มันไม่ดีก็ต้องดูว่ามันจริงหรือไม่ ก็เป็นของธรรมดา ตั้งแต่สมัยเป็นสมเด็จพระบรมฯ มา ก็มีข่าวไม่ดี แม้แต่เป็นใครก็ต้องพูดดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เป็นของธรรมดา เราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองในเรื่องใดๆ ทั้งนั้น ก็คนที่อยู่ก็เป็นคนตัดสินพิสูจน์เอาเองว่าเราดีหรือไม่ดี เด็กรุ่นใหม่ๆ ก็ดูเอาเอง แต่ขอให้เราเป็นเด็กดีเป็นคนดีเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็สบายใจแล้ว

เยาวชนที่เคยพระราชทานขอถ่ายเซลฟี่เมื่อวันที่ 1 พ.ย. : ก่อนหน้านี้อาจมีภาพกระหม่อมที่เคยถ่ายกับท่านนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองอีกหลายคน อาจจะทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขุ่นเคืองพระราชหฤทัย กระหม่อมอยากจะขอพระราชทานอภัยโทษด้วยพระเจ้าค่ะ

ในหลวง : ถ่ายกับใครเล่า เราเป็นวัยรุ่นอยากจะไปถ่ายกับใคร มันก็เป็นเรื่องของเรา เราก็อยากถ่ายกับนักแสดง ดารา เหมือนกัน ตอนเด็กๆเราก็อยากจะถ่ายเหมือนกัน ถ่ายกับคนดีบ้าง คนไม่ดีบ้าง มันก็เป็นของธรรมดา ไม่เห็นน่าเดือดร้อนอะไรเลย สบายใจได้ เปิดใจให้กว้าง แต่นึกถึงประเทศชาติ นึกถึงว่าสถาบัน สถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนมันแยกจากกันไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าไปดูรัชกาลที่ 9 ท่านอุตส่าห์ทำไว้ให้ตั้ง 70 กว่าปี พวกน้องๆ บางทีก็ลืมท่านไป เพราะว่าแม้แต่รุ่นสมเด็จพระราชินี ก็เกิดไม่ทันที่เห็นท่านเยี่ยมราษฎรมันขาดช่วงไป น้องๆจะต้องไปช่วยต่อช่วงไม่ให้มันขาด ช่วยกันไปศึกษาไปหาเหตุผล ไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ

ขวัญ : หนูขอสัญญาว่าจะไม่เนรคุณต่อแผ่นดินจะบอกรักในหลวงด้วนการทำความดีตลอดชีวิต

ในหลวง : ขอบคุณที่ให้กำลังใจมาตลอดขอให้หนูตั้งใจทำความดีและรักประเทศชาติบ้านเมือง

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก จิตอาสาพระราชทาน , โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image