…ในห้วงแห่งความเศร้าโศกของปวงชนชาวไทย ดูเหมือนว่า “ความอาลัยรัก” ต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ได้เปิดหัวใจทวยราษฎร์ให้รับรู้ถึง “พระราชปณิธานของพระองค์” การได้เรียนรู้ “ความรัก ความเมตตา ที่พระองค์ท่านพระราชทานต่อพสกนิกร” นับเป็นคุณอนันต์ต่อการหล่อหลอมประชาชนชาวไทยที่จะ “สร้างความรักขึ้นมาในจิตใจ และแผ่ความรักนั้นให้เพื่อนร่วมชาติ” อันเป็นการ “ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท” ตามที่ได้ “ตั้งจิตอธิษฐาน” ไว้
…การเสนอของสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะ “สื่อกระแสหลัก” ไม่ว่าจะเป็น “โทรทัศน์-วิทยุ-หนังสือพิมพ์” และ “สำนักสื่อออนไลน์ที่มีมาตรฐาน” ที่นำ “พระราชกรณียกิจ” มาเผยแพร่ เป็นประโยชน์อย่างสูงยิ่ง ที่จะได้ทบทวนเรียนรู้ ใน “ความรัก ความเมตตา และพระปรีชาญาณของพระองค์ท่าน” ประชาชนคนไทยที่ได้ติดตามข่าวสารในช่วงเวลาเช่นนี้ได้ซึมซับ “พระราชจริยวัตร” ที่เปี่ยม “คุณธรรมความรักต่อพสกนิกร” เป็นการเรียนรู้สำหรับ “ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท” ได้ด้วยความเข้าใจถูกต้องใน “พระราชปณิธานของพระองค์ท่าน”
…นอกจากนั้น ยังเป็นโอกาสของ “หน่วยงานต่างๆ ที่มีบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาประเทศให้มั่นคงยั่งยืน” จะประกาศต่อประชาชนในอันที่จะ “เจริญรอยตามพระราชปณิธาน” ในด้านต่างๆ ตามแต่หน้าที่ของหน่วยงานนั้น เป็น “คำมั่นสัญญาสำคัญที่ประชาชนจะได้จดจำไว้”
…วันก่อนที่ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์-ผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นำ “คณะผู้ตรวจการแผ่นดิน” กล่าวใน “พิธีถวายอาลัย” ตอนหนึ่งว่า “คณะผู้บริหาร ตลอดจนเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงขอน้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับความเป็นธรรมมาเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจมั่น เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์แก่ประชาชนตามบทบาท อำนาจหน้าที่สืบไป” เป็นตัวอย่าง
…ประชาชนทุกทิศจากทั่วประเทศที่หลั่งไหลมาถวายสักการะ และอาลัยรำลึก รอบ “พระบรมมหาราชวัง” อย่างเนืองแน่นนั้น นับเป็นบรรยากาศที่ทรงคุณค่า สำหรับ “ผู้ที่ได้มาร่วมสัมผัสโดยแท้” เพราะเป็นการเรียนรู้ “การแสดงออกซึ่งความรักของพสกนิกรโดยตรง” บรรยากาศของ “ความเกื้อกูล รวมทุกข์ของอาณาประชาราษฎร์” ที่ “แบ่งปันของกินของใช้ให้กันและกัน” มีการนำ “อาหาร น้ำดื่ม หยูกยา” หรือกระทั่ง “เครื่องแต่งกายไว้ทุกข์” มาเผื่อแผ่ให้กัน ส่งต่อ “น้ำใจให้แก่คนไทยในฐานะผู้ทุกข์โศกร่วมกัน” เป็นบรรยากาศที่ “ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ทรงคุณค่าในการได้สัมผัสเพื่อซึมซับ”
…ความทรงจำจากการได้ร่วมพิธี จะหล่อหลอมจิตใจให้ “รู้จักรัก รู้จักเมตตาเกื้อกูล” ซึ่งเป็น “วิถีแห่งการสร้างบุญบารมี” ที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการปลูกฝัง “ความคิด การพูด และการกระทำ” ให้กับเราทั้งหลาย และ “จิตใจที่ดีงามเหล่านี้” จะเติบโตแผ่กิ่งก้านการเป็น “ผู้รู้จักรัก รู้จักเกื้อกูล” อันจะนำมาซึ่ง “บารมีของเจ้าของจิตใจเช่นนี้”
…น่าชื่นชมยิ่งสำหรับ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ที่สั่งให้ ปลัดชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ไปสั่งการให้ “กรมการศึกษานอกโรงเรียน” จัดบริการ “ย้อมผ้าดำฟรี” ให้ประชาชน พร้อมด้วยการสอน “ทำริบบิ้นดำ” เพื่อให้ประชาชนร่วม “ไว้อาลัย” ได้อย่างทั่วถึง ไม่ติดขัดเรื่อง “ปัจจัยจัดหาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้เหมาะสม” เป็นการจัดการแบบเข้าใจและเห็นใจ “ผู้ร่วมทุกข์ร่วมโศกอย่างแท้จริง” และ “มุ่งไปทางเมตตา” ซึ่งเป็น “คุณค่าที่ควรสรรเสริญ”
…หน่วยงานต่างๆ ล้วนพยายามกันอย่างเต็มที่ เพื่อจะให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมพิธีมีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะ “จัดรถรับส่ง-จัดที่จอดรถ” หรือกระทั่ง “ที่พักแรมสำหรับผู้ที่มาไกล” เพียงแต่เตรียมตัวด้วยการเสาะหาข่าวสารข้อมูลให้ชัดเจนก่อนเดินทาง แหล่งข้อมูลต่างๆ ได้ทั้งโทรสอบถาม และค้นหาออนไลน์ ซึ่งมีให้อย่างละเอียด
ชโลทร