ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณท้องสนามหลวงว่า ตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 2 พฤศจิกายน ชาวไทยและชาวต่างชาติยังคงหลั่งไหลมาเคารพพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดให้เข้าสักการะพระบรมศพเป็นวันที่ 5
ทั้งนี้ บรรยากาศโดยรอบสนามหลวงยังคงมีประชาชนมารอเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ขณะที่มีการเปิดให้เข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 04.00 น. และเปิดให้เข้าไปในพระบรมมหาราชวังในเวลา 05.00 น. ซึ่งประชาชนจำนวนมากที่ได้มาเข้าแถวรออยู่ก่อนแล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในบริเวณพระบรมมหาราชวังอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
น.ส.วีนะ แสนยิ้ม ภริยาผู้ใหญ่บ้านสมพร ทองประดิษฐ์ หมู่ 3 ต.บางมะเดื่อ อ.พุนพิน จ. สุราษฎร์ธานี ให้สัมภาษณ์หลังเคารพพระบรมศพว่าเดินทางมาพร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้าน 35 คน โดยออกเดินทางจากสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ 16.00 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน และเดินทางมาถึงท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 04.00 น. ของวันนี้ โดยตั้งจิตอธิฐานว่าขอให้เดินทางมาถึงแล้วได้เข้าสักการะพระบรมศพ ซึ่งก็สมความตั้งใจ ปกติตนเองเดินไปไหนไม่ได้ไกลเพราะตัวใหญ่แต่เมื่อจะมาเคารพพระบรมศพก็กลับมีแรงและมีกำลังใจทำให้เดินไหวแม้จะต้องเดินเป็นระยะทางไกลก็ตาม หลังจากได้ทราบข่าวการเสด็จสวรรคตรู้สึกเสียใจจนพูดไม่ออก ทำใจไม่ได้ ร้องไห้ตลอด เพราะรักพระองค์มาก และเฝ้าติดตามการถ่ายทอดสดจากสถานีโทรทัศน์ทุกวันจนได้มาสักการะพระบรมศพในวันนี้
น.ส.วีนะกล่าวว่า หมู่บ้านของตนได้นำเอาทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้จนได้รับรางวัล ชาวบ้านในหมู่บ้านเลี้ยงปลา ปลูกผัก และปลูกข้าวกินเอง เลี้ยงชีพด้วยการพึ่งพิงตนเองและพึ่งพิงกันภายในชุมชน หลังจากนี้จะสอนให้ลูกหลานตามรอยพ่อ และจะรีบเดินทางกลับจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้คนที่เหลือในหมู่บ้านได้เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพของพระองค์
นายถ่อง บุญทองแก้ว ชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับหลานชายเพื่อสมทบกับลูกสาวที่มาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ก็บอกว่า ออกเดินทางมาเมื่อวานเช่นกัน ตั้งใจว่าจะมาเคารพพระบรมศพ วันนี้ออกเดินทางจากห้องพักที่รามอินทราตั้งแต่ 02.00 น. เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เข้าไปเคารพพระบรมศพ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับทั้งคืน จิตใจมันร้อนรุ่ม คิดถึงแต่พระองค์ท่าน วันนี้ได้เข้ามาถวายสักการะพระบรมศพแล้วและจะจดจำไว้จนวันตาย
