ยายจากจ.บุรีรัมย์ยืนต่อแถวรอ 12 ชม.ครึ่ง ก่อนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศพสกนิกรที่มาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในช่วงเย็นและค่ำ มีพสกนิกรมายืนต่อแถวอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าจะมีฝนตกโปรอยปราย แต่พสกนิกรก็ไม่ย่อท้อแต่อย่างใด

นางบุญปลูก มาประจง อายุ 77 ปี ชาวอ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า พอทราบความว่าพระองค์สวรรคต หัวใจแทบสลาย รู้สึกเหมือนชีวิตขาดเสาหลัก และแทบจะไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเป็นเรื่องจริง ต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงตั้งสติได้ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด พอยิ่งมาได้ดูสารคดีนำเสนอพระราชกรณียกิจที่มีมากมาย ก็ยิ่งไหลไม่หยุด เพราะพระองค์ ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย ทรงมีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างหาที่สุดไม่ได้ และทรงช่วยให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี ซึ่งหาจะให้บรรยายเป็นคำพูดคงพูดไม่หมด

“ในสมัยวัยเด็กประมาณ 8 ขวบ ยายได้มีโอกาสรับเสด็จพระองค์ท่านที่สถานีรถไฟจ.บุรีรัมย์ ซึ่งตลอดช่วงชีวิตของยายก็เห็นพระองค์ทรงงานหนักมาโดยตลอด การที่ยายตื่นตั้งแต่ตี 5 มาถึงพระบรมมหาราชวัง 6 โมงเช้า ต่อคิวประมาณ 12 ชั่วโมงครึ่ง จึงจะได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ แต่ยายก็ไม่รู้สึกเหนื่อย เพราตลอดพระชนชีพของพระองค์ทรงเหนื่อยเพื่อพสกนิกรมากแล้ว การรอแค่ 12 ชั่วโมงครึ่ง จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเทียบได้เลย” นางบุญปลูก กล่าว

นางบุญปลูก กล่าวว่า ตนเป็นผู้ยึดมั่นและมีความรักต่อพระองค์ท่าน และราชวงศ์จักรี จึงได้น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ มาใช้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน สามารถปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ไว้กินเอง ส่วนที่เหลือก็เผื่อแผ่ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านได้ จากนี้ไปตนตั้งปณิธานว่า จะสานต่อทฤษฎี และปรัชญาของพระองค์ให้ดียิ่งขึ้น โดยจะขยายการทำเกษตรออกไป เพื่อเผื่อแผ่สู่ผู้อื่นมากขึ้น เพราะขณะนี้อยู่ในวัยเกษียณแล้ว จึงมีเวลาว่างที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ตามคำสอนของพระองค์ท่าน

Advertisement

 

นางบุญปลูก
นางบุญปลูก(ซ้าย) นางสุภาภรณ์(ขวา)

ขณะที่ นางสุภาภรณ์ กุหลาบ อายุ 60 ปี ชาวกรุงเทพฯ น้องสาวนางบุญปลูก กล่าวว่า เห็นว่าพี่สาวอยากเดินทางมากราบสักการะพระองค์ท่านมาก จึงได้ถือโอกาสพามา ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ของตนแล้วที่ได้เข้ามากราบถวายสักการะพระองค์ท่าน ทั้งที่ศาลสหทัยสมาคม และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยทุกครั้งก็จะออกจากบ้านตอน เวลา 05.00 น. ถึงพระบรมมหาราชวัง เวลา 06.00 น. จากนั้นก็รอไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึวคิวของตนเอง ซึ่งไม่ว่าจะรอนานแค่ไหน แต่ตนก็ไม่ย่อท้อและเหน็ดเหนื่อย เพราะตนเชื่อว่า พระองค์ทรงเหนื่อยกว่าราษฎรมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า ความเหน็ดเหนื่อยเพียงแค่นี้ ก็เป็นเพียงสิ่งเล็กๆเท่านั้น และตั้งใจจะมาอีกเท่าที่จะมีแรงและเวลาเอื้ออำนวย เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับพระองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

Advertisement

image

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image