เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ว่า ประชาชนทยอยเดินทางมาตั้งแต่เช้ามืด บางส่วนเดินทางมาจากต่างจังหวัดโดยปักหลักค้างคืนที่สนามหลวง เพื่อรอเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพในช่วงเช้า สำนักพระราชวังเปิดให้เข้าสักการะก่อนตั้งแต่เวลา 05.15 น. เนื่องจากมีประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก จนท้ายแถวล้นขึ้นไปยังท้องสนามหลวงทางฝั่งทิศใต้โค้งยาวขึ้นไปทางทิศเหนือ อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นวันแรกของการยกเลิกบริการรถบัสปรับอากาศของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคเอกชน ที่จัดบริการฟรีนำพสกนิกรจาก 4 จุด ได้แก่ สนามศุภชลาศัย, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ และสถานีขนส่งสายใต้เก่า (ตลิ่งชัน) มายังสนามหลวง ขณะที่รถเมล์ชัตเตอร์บัสของขสมก.ที่บริการฟรีนำประชาชนจากจุดต่างๆ มายังสนามหลวง ยังให้บริการปกติ
นายพงศธร ชูชาวนา อายุ 22 ปี มาพร้อมนางสาวเลิศลักษณ์ ธานะสิทธิ์ อายุ 29 ปี ชาวอ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมารอต่อแถวตั้งแต่เวลา 03.30 น. ซึ่งเวลานั้นท้ายแถวที่คลองหลอด รอกว่า 6 ชั่วโมงกว่าจะได้เข้ากราบถวายสักการะ กล่าวร่วมกันว่า ตั้งใจเดินทางมาถวายสักการะพระองค์ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเดินทางกลับไปเรียนต่อที่เมืองวัตฟอร์ต ประเทศอังกฤษในวันที่ 17 พฤศจิกายน เตรียมใจมาแล้วว่าต้องต่อแถวหลายชั่วโมง แต่ได้เข้าเร็วกว่าที่คิดไว้ ตอนแรกคิดว่าวันนี้คงต้องต้องแถวถึงช่วงบ่าย ซึ่งตนมักจะเล่าให้เพื่อนต่างชาติฟังถึงเรื่องราวของพระองค์ ไม่ว่าจะการทรงงาน คำสอนต่างๆ ยังบอกอีกว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในดวงใจที่ไม่รู้ว่าต้องเกิดกี่ครั้งจะได้เจออีก ส่วนตัวจะขอตั้งใจทำความดี เป็นคนดี และเล่าให้รุ่นลูกหลานได้รู้จักและน้อมนำคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติใช้
นางปณิตา สีเสน อายุ 47 ปี อ.สามพราน จ.นครปฐม มาคนเดียวต่อแถวตั้งแต่เวลา 03.30 น. และรอ 6 ชั่วโมงกว่าจะได้เข้ากราบถวายสักการะ กล่าวว่า มีพระองค์เป็นแรงบันดาลใจ เพราะคำสอนของพระองค์ที่ให้ขยันอดทน จึงทำให้ดิฉันมีกินถึงทุกวันนี้ จากแต่ก่อนยากจนมาก อย่างเวลาซื้อก๋วยเตี๋ยวมาต้องรอให้อุ่นและกัดกินในถุง เพราะไม่มีช้อนถ้วยชาม หรือวันหนึ่งมีเงินแค่ 50 บาท แล้วลูกต้องไปโรงเรียน ก็ให้ลูกไปและดิฉันก็เงียบๆอดทนไม่กินอะไร คำสอนที่ให้ขยันอดทนจะไม่อดตาย ให้ซื่อสัตย์สุจริตและเป็นคนดี เป็นพลังให้ดิฉันทำทุกอย่างและประกอบอาชีพค้าขายในปัจจุบันจนเริ่มมีเงินขึ้นมา แม้จะหาเงินเพียงลำพังแต่ก็สามารถส่งเสียลูกชายคนเดียวจนเรียนจบปริญญาตรีได้สำเร็จและกำลังรอรับปริญญา ส่วนตัวตั้งใจจะทำความดี และจะกลับมาถวายสักการะอีก จะชวนญาติๆและลูกมาให้ได้
นางสาวมณฑิรา ชุมพงศ์ อายุ 20 ปี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นั่งรถทัวร์ใช้เวลา 12 ชม.มาพร้อมคุณตา ยาย แม่ และน้องๆ เพื่อมากราบถวายสักการะให้ได้ เล่าว่า ครอบครัวเรามาเป็นครั้งแรก แม้ช่วงนี้ที่บ้านจะน้ำท่วมแต่ก็ตั้งใจเดินทางมา ไม่ได้ลำบากอะไร ทั้งนี้ ครอบครัวตนก็มีความรู้สึกเหมือนชาวนครฯ ที่รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขชาวนครฯ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือโครงการปากพนัง แยกน้ำจืดกับน้ำกร่อย จากแต่ก่อนน้ำกร่อยทำให้ปลูกอะไรไม่ขึ้น แต่โครงการทำให้ขณะนี้ปลูกอะไรก็ขึ้น ปลูกข้าวก็ได้ อีกทั้งยังน้อมนำคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ จะใช้จ่ายอะไรก็คิด ไม่ฟุ่มเฟือย และพยายามอดออม
