เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศการถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ช่วงเย็นต่อเนื่องช่วงค่ำ แม้ว่าจะใกล้ช่วงเวลา 21.00น. ที่สำนักพระราชวังจะปิดให้พสกนิกรเข้าถวายสักการะพระบรมศพแล้ว แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ตั้งใจเดินทางมาเข้าแถวถวายสักการะ หนึ่งในนั้น คือ
นางบุษยารัตน์ ผิวผ่อง อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร อาศัยย่านวัดศรีสวัสดิ์ ฝั่งธนบุรี กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า วันนี้ตั้งใจพาลูกชายคนเล็กอายุ 2 ขวบ จะมากราบสักการะพระบรมศพ ช่วงเช้าและบ่ายจึงให้ลูกชายพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะลูกชายยังเล็ก ทราบว่ามีประชาชนจำนวนมาที่มารอเข้าถวายสักการะอาจจะต้องรอเวลานาน ซึ่งมาช่วงเวลาใกล้เย็นอากาศไม่ร้อนมากนัก โดยส่วนตัวนั้นตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็รับรู้ว่าพระองค์ท่านทรงงานหนัก เพื่อประชาชนคนไทยต่อเนื่องตลอดรัชสมัยที่ทรงครองราชสมบัติ
“แม้ว่าตนเองจะเป็นคนกรุงเทพฯ อาจไม่ได้ไปรอรับเสด็จฯพระองค์ท่านเหมือนอย่างประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ แต่ก็ซาบซึ้งใจในพระมหากรุณาธิคุณของท่านที่มีต่อประชาชนคนไทยทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงทำไม่ว่าจะเป็นโครงการฝนหลวง โครงการเกี่ยวกับน้ำ เขื่อน แก้มลิง การพัฒนาถนนหนทาง รวมทั้งการที่พระองค์ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อคนที่เป็นโรคเรื้อนและรักษาโรคเรื้อนหายไปจากประเทศไทย เป็นเรื่องที่ยากจะหาใครมาเทียบได้” นางบุษยารัตน์ กล่าว
นางบุษยารัตน์กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ตนเองมีลูก 3 คน อายุ 23, 16 และ 2 ปี ซึ่งแต่ละคนยังเด็กแต่ที่ผ่านมา ตนก็ได้บอกเล่าเรื่องราวของพ่อหลวงให้แก่ลูก ซึ่งตนใช้คำว่า พ่อหลวง เพราะพระองค์ทรงเป็นเหมือนพ่อที่คอยดูแลประชาชนชาวไทยทุกคน สำหรับลูกชายคนเล็กนั้น เริ่มรู้เรื่องเมื่อดูโทรทัศน์หรือสารคดีต่าง ๆ ก็จะบอกให้ลูกรู้ว่านี้คือ พ่อหลวงของทุกคน หลังจากนี้ตนจะซื้อหนังสือเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่าง ๆ มาให้ลูก ๆเรียนรู้และเพื่อให้เขาสามารถถ่ายทอดต่อไปยังลูกหลานของเขาได้ อีกว่าประชาชนคนไทยมีพ่อที่ดีที่สุดอย่างพระองค์ท่าน
ด้านนางมุ้ย คุ้มเพชร อายุ 86 ปี ชาวระนอง เดินทางมาพร้อมกับลูกสาวคนที่ 5 หรือนางสุนันทา คุ้มเพชร โดยออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่เมื่อวานและมาต่อแถวสักการะพระบรมศพ ซึ่งแม้นางมุ้ยจะยืนรอมาเป็นเวลานาน แต่ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้มากราบสักการะพระบรมศพเบื้อง หน้าพระบรมโกศ นางมุ้ยด้วยน้ำตาคลอว่า รู้สึกดีใจที่สุดในชีวิตที่ได้มากราบท่านที่นี่ โดยส่วนตัวแล้วมีความประทับใจที่พระองค์เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต สอนให้อยู่แบบพอเพียง พอดี มีความสามัคคี และประหยัดมัธยัสถ์ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ตนได้นำไปบอกต่อแก่ลูกทุกคนให้ดูพระองค์เป็นแบบอย่าง
นางมุ้ยกล่าวอีกว่า ขณะที่กราบสักการะพระบรมศพ ได้อธิษฐานให้พระองค์คุ้มครองประชาชนชาวไทยให้อยู่เย็นเป็นสุข ทั้งนี้ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ก็ยังจะเดินทางมาสักการะพระบรมศพอีก เพราะเดินทางมาไกลจึงอยากอยู่ต่อและอยากอยู่ใกล้พระองค์ท่านอีก
