| ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชน หน้า18 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ทรงเข้าศึกษาชั้นอนุบาลปีที่ 1 เมื่อเดือนกันยายน พุทธศักราช 2499 ขณะมีพระชนมายุ 4 พรรษา ณ โรงเรียนจิตรลดาชั้นอนุบาล ซึ่งตั้งอยู่ ณ พระที่นั่งอุดร ในพระราชวังดุสิต ต่อมาโรงเรียนย้ายไปตั้งในบริเวณพระราชฐานสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ทรงศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 1
เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ทรงมีพระอุปนิสัยร่าเริง ดั่งพระราชนิพนธ์บทความ “น้องน้อยของพี่ชาย” ที่ทรงพระราชนิพนธ์ถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 3 รอบ ด้วยภาษาที่เรียบง่าย แฝงพระอารมณ์ขัน ความตอนหนึ่ง ว่า
“เมื่อตอนเล็กๆ ถือได้ว่าเราสองคนเป็นลูกคนกลางทั้งคู่ จึงเป็นเพื่อนเล่นกันตลอด”
“เราได้ตามเสด็จทูลกระหม่อมพ่อ-สมเด็จแม่ ไปตามต่างจังหวัด เมื่อตอนเล็กๆ เราก็จะไปเล่นกัน หาไม้มาทำเป็นปืน หาของว่าง-ขนมไปปิกนิกกัน และสร้างจินตนาการในการเล่นกันแบบเด็กๆ ในสมัยนั้น”
“มีอีกช่วงหนึ่งที่พี่พอจะจำได้และสนุกมาก คือช่วงที่พวกเราได้ตามเสด็จทูลกระหม่อมพ่อ-สมเด็จแม่ ไปต่างประเทศ พวกเราได้เห็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง ได้ฝึกหัดเล่นกีฬาของฝรั่งหลายประเภท”
“อย่างตอนที่เราอยู่ประเทศสวิส ทูลกระหม่อมพ่อ-สมเด็จแม่เสด็จออกไปทรงงาน พวกเราก็จะแอบไปปีนต้นแอปเปิ้ลกัน เพราะที่สวิสเขาจัดให้พวกเราพักตำหนักที่มีสวนและสนามเหมือนป่า มีผลไม้น่าทานมาก ทำให้เด็กอย่างเราทั้งสองเกิดความสนุก จึงปีนขึ้นไปขโมยแอปเปิ้ลมาแอบทานกันที่ข้างๆ ต้นไม้”
“ถ้ายิ่งมีช่างภาพสื่อมวลชนทั้งไทยหรือต่างชาติขอมาฉายพระรูปครอบครัว เราสองคนก็จะเป็นตัวที่ทำให้มันยุ่งเหยิงไปหมด ทำให้ถ่ายไม่เสร็จ (ทำหน้าทำตา) จนผู้ที่มาฉายพระรูปปวดหัวกันไปหมด พอตอนหลังเวลาฉายพระรูป จึงจะเห็นบ่อยๆ ที่สมเด็จแม่ต้องคอยจับเราไว้ให้นิ่งๆ ด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้าง พี่ชายข้าง น้องน้อยข้างเสมอ กันช่างภาพเป็นลมและพระองค์ท่านด้วย”
จากนั้นในปี 2509 เสด็จฯไปทรงศึกษาต่อระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงสมีด เมืองซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกส์ ประเทศอังกฤษ และโรงเรียนมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัลล์ฟิลด์ เมืองสตรีท แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ
เมื่อครั้งเสด็จไปทรงศึกษาต่อที่อังกฤษ พระองค์เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ มีพระดำรัสอำลาประชาชนชาวไทยทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2509 ความว่า
“วันที่ 7 มกราคมนี้ ข้าพเจ้าจะจากพระนครไปประเทศอังกฤษแล้ว จึงขอถือโอกาสนี้กล่าวอำลาท่านทั้งหลายโดยทั่วกัน ข้าพเจ้ามีใจผูกพันอยู่กับประเทศชาติและท่านทั้งหลายมาก เพราะข้าพเจ้าเป็นพลเมืองไทยคนหนึ่ง และท่านทั้งหลายต่างได้แสดงน้ำใจไมตรีต่อข้าพเจ้าตลอดมา ข้าพเจ้าจึงตระหนักว่าในกาลข้างหน้า ข้าพเจ้าจะมีหน้าที่และจะต้องทำงานให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง และประชาชนให้จงได้ โอกาสที่ข้าพเจ้าจะออกไปศึกษา ณ ต่างประเทศนี้ ข้าพเจ้าจึงตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะพยายามศึกษาเล่าเรียนโดยเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เกิดความรู้และสติปัญญานำมาใช้ในการทำนุบำรุงประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าและรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งขึ้นไป
ข้าพเจ้าขออำลาท่านอีกครั้งหนึ่ง ขอท่านทั้งหลายได้เอาใจช่วยข้าพเจ้าให้เกิดกำลังใจที่จะเล่าเรียนให้สำเร็จสมความตั้งใจโดยตลอดด้วย”
และด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระอุปนิสัยโปรดปรานความมีระเบียบวินัย และสนพระราชหฤทัยในกิจการเกี่ยวกับกองทัพอยู่เสมอ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จฯจากประเทศอังกฤษไปทรงศึกษาต่อในวิชาการทหาร ที่โรงเรียนคิงส์ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และทรงเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยการทหารชั้นสูงที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงเคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย
บัดนี้ พระองค์เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 แห่งราชจักรีวงศ์
