เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เป็นวันที่ 72 โดยมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพ อาทิ สมาคมสตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, ทายาท พล.ต.อ.ประเสริฐ-คุณหญิงน้อย รุจิรวงศ์, คณะศิษย์เก่าโรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม รุ่นปีการศึกษา 2516, ศิษย์เก่าโรงเรียนวังหลัง- วัฒนาวิทยาลัย รุ่น 99, ชมรมนักเรียนเก่าสวนกุหลาบ รุ่น 87, คณะศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น 111, สมาคมศิลปศาสตร์ธรรมศาสตร์ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมค้าข้าวไทย, สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย, มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งและหน่วยงานในสังกัด, ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช รุ่น 93 คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และชมรมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชพยาบาล รุ่น 107
เวลา 10.30 น. ผศ.ดร.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานชมรมนักเรียนเก่าสวนกุหลาบ รุ่น 87 เป็นประธานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบรมศพและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 10 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์ และถวายภัตตาหารเพล สดับปกรณ์
ผศ.ดร.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานชมรมนักเรียนเก่าสวนกุหลาบ รุ่น 87 กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพว่า ในฐานะที่เป็นนักเรียนทุนอานันทมหิดล ก็เท่ากับในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงส่งให้เรียนหนังสือ นอกจากนี้ ตนยังได้รับพระราชทานสิ่งต่างๆ อีกมากมายนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะสิ่งที่พระองค์พระราชทานให้นั้นมากมายนัก พระองค์ทรงมีพระเมตตากรุณาและทรงเห็นความทุกข์ยากลำบากของผู้อื่นเสมอ จะต่างกับคนที่ไม่มีความเมตตากรุณาก็จะเห็นแต่ความทุกข์ของตนเอง
“ในหลวง ร.9 ทรงมีความเมตตาอย่างมาก เวลาที่เสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎร พระองค์ทอดพระเนตรราษฎรที่มาเฝ้าฯ ก็จะทรงทราบว่าจุดไหนที่ต้องช่วยเหลือ และช่วยเหลืออะไรแก่ราษฎรบ้าง วันนี้ทุกคนตั้งใจและพร้อมใจกันมากราบสักการะพระบรมศพ และร่วมเป็นเจ้าภาพอุทิศถวาย ถือว่าพระองค์เป็นพ่อของพวกเราด้วย บางคนมาส่วนตัวแล้ว แต่วันนี้มาในนามหมู่คณะมาด้วยความจงรักภักดี เพราะทุกคนเกิดและโตในรัชกาลที่ 9 และเกษียณอายุในรัชกาลที่ 9” ผศ.ดร.ประพจน์กล่าว
ผศ.ดร.ประพจน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้น้อมนำคำสอนของพระองค์มาปรับใช้ในการทำงานในหลายประเด็น เช่น จะต้องเป็นคนที่มีความพยายาม และนำความรู้ไปใช้ในทางที่ถูก และต้องเข้ากับคนอื่นได้ เนื่องจากช่วงที่เป็นนักเรียนทุนอานันทมหิดล ในหลวง ร.9 ทรงย้ำเสมอว่า หลังจากเรียนจบกลับมาประเทศไทยแล้วต้องพูดกับคนอื่นรู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถทำงานกับใครได้ นอกจากนี้ ยังได้ยึดพระองค์เป็นแบบอย่างในเรื่องความพอดี เพราะหากไม่มีความพอดีก็จะทำอะไรไม่สำเร็จ
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ หลังสำนักพระราชวัง ปิดเวลา 21.12 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 29,927 คน รวม 106 วัน มี 4,475,804 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,995,658 บาท รวม 106 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 377,648,560.09 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 107 โดยประชาชนยังคงเดินทางมาเข้าคิวที่ท้องสนามหลวงอย่างไม่ขาดสาย แม้จะมีอากาศร้อนอบอ้าว ก็ยังคงไม่ย่อท้อ โดยประชาชนหลายจังหวัดยังคงรวมกลุ่มกันเช่ารถเข้ามากราบสักการะพระบรมศพด้วย โดยสำนักพระราชวังเปิดประตูวิเศษไชยศรีในเวลา 04.45 น.
นางสาวณมณ พรมแสงใส อายุ 33 ปี พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ตั้งใจนานแล้วว่าจะเข้ามากราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 สักครั้งหนึ่ง แต่เพิ่งจะมีโอกาส จึงนั่งรถทัวร์จากชัยภูมิมาคนเดียวเมื่อตอน 5 ทุ่ม ก่อนเข้ามาต่อคิวสักการะพระบรมศพในช่วงเช้า เมื่อได้เข้าไปกราบพระบรมศพ แม้จะรู้สึกตื้นตันและประทับใจ แต่ก็ยังคงรู้สึกเสียใจอยู่ตลอด ตนทำงานเกี่ยวกับเกษตรกรอยู่แล้ว สิ่งที่ประทับใจมาตลอดจึงเป็นคำสอนของพระองค์เรื่องการเพาะปลูก การเกษตรต่างๆ พยายามนำคำสอนไปส่งต่อชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะรู้ซึ้งมากกว่าเราที่ได้ข้อมูลจากวิชาการ จึงได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือเรื่องหญ้าแฝก ที่ชาวบ้านนำไปปลูกกันดินสไลด์ ถือเป็นสิ่งที่ทำได้จริง เห็นประโยชน์จริงๆ จึงประทับใจคำสอนเรื่องการเกษตรมากที่สุด นอกเหนือไปจากเรื่องความพอเพียง ที่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ด้านนางสาวศุภลักษณ์ ชัยชนะ อายุ 21 ปี ชั้นปี 3 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การได้เข้ากราบพระบรมศพ ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติทั้งของตนเองและครอบครัว เพราะเป็นคนแรกที่ได้มีโอกาสเป็นตัวแทนมา แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่แต่ก็ประทับใจในพระราชกรณียกิจต่างๆ ยิ่งช่วงหลังสื่อต่างๆ ได้นำสารคดีเกี่ยวกับพระองค์มาฉายยิ่งทำให้ซึมซับได้มาก ชาวบ้านที่สุราษฎร์ฯ ก็ได้รับประโยชน์จากเขื่อนรัชวิภา ซึ่งผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ หากไฟในจังหวัดตัดก็จะต่อติดทันที รวมทั้งเรื่องเพาะปลูกต่างๆ
“ตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบจะกลับไปเป็นครูที่โรงเรียนที่จบมา ซึ่งมีครูพื้นที่น้อย ทำเรื่องย้ายมาก วันศุกร์นักเรียนแทบไม่ได้เรียน เพราะครูต้องรีบกลับบ้าน จึงอยากกลับไปทำหน้าที่ตรงนี้และยึดคำสอนของในหลวงร.9 ที่จะสอนให้เด็กเป็นคนดีสืบไป” นางสาวศุภลักษณ์ กล่าว