พสกนิกรเทิดทูนในหลวง ร.9 ต้นแบบพระราชสวามี-พระราชบิดาที่ดี

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 109 ประชาชนจากทั่วประเทศแต่งกายชุดดำสุภาพ มาต่อแถวรอกราบถวายสักการะไม่ขาดสาย โดยสำนักพระราชวังเปิดประตูวิเศษไชยศรีให้ประชาชนเข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น. จากเปิดปกติเวลา 08.00 น. ท่ามกลางแสงแดดจัดและอากาศร้อนขึ้นตามลำดับ แต่ประชาชนที่มาก็ไม่ได้ย่อท้อ

นางชไมพร เพ็ญจันทร์ อายุ 55 ปี ชาว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุครสาคร มาพร้อมพี่สาวและหลานสาว กล่าวว่า ตนมากราบพระบรมศพเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ครั้งนี้ต่อแถวรอไม่นานก็ได้กราบพระบรมศพ อีกทั้งได้ร่วมทำบุญกับซื้อการ์ดอวยพรปี 2560 ฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำไปเก็บเป็นที่ระลึก และนำไปฝากเพื่อนๆ ทั้งนี้ ตนและครอบครัวน้อมนำคำสอนเรื่องความพอเพียงมาใช้ อาทิ การประหยัดอดออม สิ่งใดที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ และคำสอนเรื่องความเพียร ความมุ่งมั่น อย่างหลานสาวที่กำลังศึกษาระดับอุดมศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 ที่มีผลการเรียนที่ดีขึ้นก็เพราะน้อมนำคำสอนนี้ของพระองค์มาใช้ จากปกติเป็นเด็กที่ไม่อดทน อย่างไรก็ตาม จากนี้ตั้งใจจะทำความดี ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เพื่อพระองค์และประเทศชาติต่อไป

ชไมพร (ที่สองจากขวา)
ชไมพร (ที่สองจากขวา)

“ในชีวิตดิฉันยังไม่เคยเห็นพระองค์เสด็จฯ มา จ.สมุทรสาคร เข้าใจว่าเพราะ จ.สมุทรสาคร มีความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว เป็นจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมาก แต่ก็มีโครงการพระราชดำริของพระองค์ อาทิ เขื่อนบางยาง ตลอดจนโครงการประตูน้ำ โครงการแก้มลิงอีกมากมาย ทำให้มีน้ำไว้ใช้ในการเกษตรตลอดทั้งปี อย่างไรก็ดี ดิฉันเคยรับเสด็จพระองค์เมื่อปี 2556 ที่พระองค์เสด็จออกมหาสมาคม ณ วังไกลกังวล แม้จะได้เห็นพระองค์จากที่ไกลๆ แต่ก็เป็นความภูมิใจ ดีใจที่สุด เพราะเป็นการรับเสด็จครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิต” นางชไมพรกล่าว

ขณะที่ นางสาวสำรวล เอมมา อายุ 54 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี แต่ทำงานและอยู่อาศัยเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ มาพร้อมเพื่อนร่วมงานชาวเมียนมา กล่าวทั้งอุ้มกรอบภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 12 ว่า ทุกครั้งที่มากราบพระบรมศพ ตนจะเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์มาด้วยทุกครั้ง อย่างครั้งนี้เป็นภาพถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ที่ประดิษฐานอยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งตนตัดมาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งแล้วนำมาใส่กรอบ ส่วนทำไมถึงต้องเชิญมาเพราะเห็นว่าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่สวยดี เป็นสิ่งที่ตนเทิดทูน ใครเห็นก็ต่างเข้ามาทักทาย ถามว่าไม่หนักเหรอ ตนก็บอกกลับไปว่าไม่หนักเลยที่ได้เชิญพ่อหลวงมาด้วย จริงๆ ที่บ้านยังมีอีกเยอะ เพราะตนซื้อหนังสือ ซื้อภาพที่มีพระองค์เก็บมาตลอดหลาย 10 ปี บางส่วนก็นำมาใส่กรอบตั้งไว้ที่บ้านบ้าง มอบให้คนรู้จักที่รักและเทิดทูนพระองค์เช่นเดียวกันบ้าง

Advertisement
สำรวล (ขวา)
สำรวล (ขวา)

“ประทับใจพระองค์ทุกอย่างเลย เพราะไม่มีพระราชาพระองค์ไหนจะยิ่งใหญ่ได้เท่าพระองค์อีกแล้ว ทรงมีพระอัจฉริยภาพ ทรงรักทุกชาติ ศาสนา ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ อย่างเพื่อนชาวเมียนมาที่มาด้วยกัน เขาอยู่ไทยมาปีกว่า เขาชอบมากราบสักการะพระบรมศพ เพราะรักเขาพระองค์ อย่างไรก็ตาม ดิฉันยังประทับใจพระองค์ในบทบาทของพระราชสวามีที่ดี ที่ทรงมีรักแรก รักเดียว รักนิรันดร์ ต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และบทบาทของพระราชบิดาที่ดี ที่ทรงรักและดูแลพระราชโอรส พระราชธิดาอย่างดีตลอดมา สังเกตได้จากพระบรมฉายาลักษณ์ที่ทรงอุ้มพระราชโอรส พระราชธิดาตั้งแต่สมัยพระองค์ยังทรงหนุ่มๆ ด้วยพระพักตร์ที่มีความสุข” นางสาวสำรวลกล่าว และว่า

ตนรับเสด็จพระองค์บ่อย ครั้งที่ประทับใจที่สุดคือ รับเสด็จในวันลอยกระทงที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นได้นั่งใกล้พระองค์มาก เสียดายอยู่อย่างคือ วันนั้นไม่มีใครนำพวงมาลัยมาทูลเกล้าฯถวายพระองค์เลย ทั้งที่วันนั้นควรมีคนที่โชคดีที่สุด ซึ่งถ้าย้อนเวลาไปได้ ตนจะไปซื้อพวงมาลัยมาทูลเกล้าฯถวาย เพื่อพระองค์จะได้มีพวงมาลัยคล้องพระกรไปทรงลอยกระทง

 

Advertisement

S__884820

S__884821

S__884824

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image