ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศว่า เนื่องจากเป็นวันหยุด ประชาชนจากทั่วประเทศจึงใช้โอกาสนี้มากราบพระบรมศพ ตั้งแต่ช่วงเช้าในบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน หลายคนยังได้จูงมือบุตรหลานที่ปิดภาคเรียนมาด้วย
นางบุหงา พงษ์ประเสริฐ อายุ 61 ปี นักออกแบบกระเป๋า เครื่องนอนต่างๆ กล่าวว่านับแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ก็ได้มากราบสักการะพระบรมศพนับได้ 20 กว่าครั้งแล้ว นอกจากจะมากราบพระบรมศพแล้ว ยังได้มาทำกิจกรรมจิตอาสา แจกอาหาร แนะนำเส้นทาง และคอยดูแลผู้เจ็บป่วยนำไปปฐมพยาบาลที่เต๊นท์ต่างๆต่อไป วันนี้ก็ได้พาเพื่อนมาสักการะด้วย อยากจะมาทุกครั้งที่มีโอกาสเพราะเป็นการส่งเสด็จครั้งสุดท้าย ซึ่งตั้งใจว่างานถวายพระเพลิงก็จะมาปักหลักอยู่ที่สนามหลวงเพื่อกราบแทบพระบาทให้ได้
“ในอดีตมีโอกาสได้รับเสด็จพระองค์หลายครั้ง ประทับใจพระองค์ทุกๆครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่ในหลวงร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯมาทรงทอดพระเนตรการแสดงโขนของกรมศิลปากร โดยทรงรับสั่งกับนักแสดงพระนางอย่างเป็นกันเอง เราซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังก็รู้สึกประทับใจในความใส่พระทัยและความเป็นองค์อุปถัมภ์ในการแสดงของไทย หากถามถึงพระราชกรณียกิจและคำสอนของพระองค์ แน่นอนว่าหลายคนจะนึกถึงเรื่อง พอเพียง แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและทุกคนก็ทำอยู่แล้ว อย่างการอดออม ประหยัด มองว่าสิ่งที่ควรจะมีในสังคมที่ควรจะมีจากนี้คือเรื่องการโอบอ้อมอารี ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในสังคม ทุกวันนี้ก็พยายามช่วยเหลือผู้อื่น ดื่มนมจิตรลดา กินข้าวของคนไทย ดั่งที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง” นางบุหงากล่าว
นางสาวอริยะพัฒน์ รัตนคีรีวงษ์ อายุ 47 ปี ผอ.โรงเรียนอนุบาลเลิศอริยะพัฒน์ ใช้โอกาสในช่วงปิดเทอมพาคุณแม่ พร้อมญาติ ๆ และเพื่อน ๆ เดินทางจากจ.สมุทรปราการมากราบสักการะพระบรมศพ กล่าวว่า เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากครั้งแรกเดินทางมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่มีการเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่มีการจัดระบบระเบียบดีขึ้นไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนช่วงแรก ๆ ใจจริงตั้งใจว่าอยากมากราบพระบรมศพอย่างน้อยให้ครบ 9 ครั้ง แต่เนื่องด้วยภารกิจการทำงานมากมายจึงไม่ค่อยมีเวลาว่าง เมื่อสบโอกาสช่วงปิดโรงเรียนปิดเทอมจึงพาคุณแม่มากราบพระบรมศพด้วยกัน โดยคุณแม่เดินทางมากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก
ผอ.โรงเรียนอนุบาลเลิศอริยะพัฒน์ กล่าวอีกว่า ในฐานะผอ.และครูโรงเรียนอนุบาล ได้สอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับในหลวง รัชกาลที่ 9 ให้เด็ก ๆ รับรู้ไม่ได้มาก แต่ก็พยายามน้อมนำแนวพระราชดำริต่าง ๆ มาใช้ให้มากที่สุด อย่างเศรษฐกิจพอเพียง มีการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์เพื่อเป็นอาหารให้กับเด็ก ๆ ที่โรงเรียน นอกจากปลอดสารพิษแล้วยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระปรีชามาก โครงการทุกอย่างล้วนส่งผลให้ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน คิดถึงทีไรก็น้ำตาไหลทุกครั้ง แม้ตัวเองไม่ได้ศึกษาโครงการทุกโครงการ แต่พอทุกวันนี้ไม่มีท่านอยู่แล้วก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหายไป” น.ส.อริยะพัฒน์ กล่าว
