สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-พระเทพฯ ทรงร่วมริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมศพ พระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ 26 ต.ค. โปรดเกล้าฯ’ร.อ.จิทัศ’ อัญเชิญเครื่องทองน้อย ปฐมนิเทศพระวงศานุวงศ์-100 ราชสกุล
ปฐมนิเทศพระวงศาฯ-ราชสกุล
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่หอประชุมกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการจัดปฐมนิเทศพระวงศานุวงศ์ ราชสกุล ข้าราชบริพารในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แพทย์-พยาบาลผู้ที่เคยถวายงาน สมาคม องค์กร มูลนิธิ โรงเรียน ที่จะเข้าร่วมในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยมีท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ, พล.ท.ม.ล.กุลชาติ ดิศกุล, พล.ต.ณัฐวัฒน์ อัคนิบุตร ที่ปรึกษาคณะกรรมการริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ร่วมเป็นผู้บรรยาย
ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ประจำสำนักพระราชวัง เปิดเผยว่า พระวงศานุวงศ์ ราชสกุล ข้าราชบริพารในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แพทย์-พยาบาลผู้ที่เคยถวายงาน สมาคม องค์กร มูลนิธิ โรงเรียน ที่ได้รับคัดเลือกมาร่วมในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศในครั้งนี้นับว่าโชคดีที่สุดที่ได้เกิดมาภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ได้เกิดในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 นับว่าทุกคนโชคดีจริงๆ ซึ่งคณะกรรมการได้ทำการคัดสรรผู้ที่ได้รับหน้าที่อันทรงเกียรตินี้เป็นอย่างดีที่สุด
คัด 100 ราชสกุลร่วมริ้วขบวน
พล.ท.ม.ล.กุลชาติ ดิศกุล ในฐานะผู้ประสานงานราชสกุลทุกมหาสาขา กล่าวถึงหลักการคัดเลือกพระประยูรญาติในการเข้าร่วมในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศว่า ครั้งนี้มีราชสกุลทุกมหาสาขาจำนวน 100 ราชสกุล จาก 129 ราชสกุล มาร่วมในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ เนื่องด้วยอีก 29 ราชสกุลนั้นไม่มีผู้สืบทอดแล้ว โดยการพิจารณานั้นคณะกรรมการจะพิจารณา 2 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วย 1.คัดเลือกจากผู้ที่เคยร่วมในพระราชพิธีริ้วขบวนพระราชอิสริยยศในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และ 2.ดูความเหมาะสมในเรื่องของพระชันษาหรืออายุ เพราะหม่อมเจ้าบางพระองค์ทรงมีชันษามากแล้ว ไม่สามารถอยู่ในริ้วขบวนได้เป็นเวลานาน โดยในริ้วขบวนที่ 2 ประกอบด้วย หม่อมเจ้า 4 พระองค์ คือ พล.ท.ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล, ร.อ.ม.จ.นวพรรษ์ ยุคล, ท่านหญิงศรีสว่างวงศ์ (ยุคล) บุญจิตราดุลย์ และท่านหญิงนภดลเฉลิมศรี ยุคล นอกจากนี้ ก็ยังประกอบไปด้วย ม.ร.ว. และ ม.ล. ขณะที่ริ้วขบวนที่ 3 จะเป็นราชสกุลต่างๆ ทุกมหาสาขา จะเดินในริ้วขบวนการเชิญพระบรมโกศเวียนพระเมรุมาศ ทั้งนี้ หม่อมเจ้าชั้นผู้ใหญ่ อาทิ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล และ ม.จ.ฑิฆัมพร ยุคล จะเสด็จในขบวนริ้วที่ 5 คือ การเชิญพระบรมอัฐิ โดยพระที่นั่งราเชนทรยานไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
‘ร.อ.จิทัศ’ เชิญเครื่องทองน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นผู้อัญเชิญเครื่องทองน้อย ในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ซึ่ง ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม เป็นบุตรชายคนเดียวของนายสินธู กับท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม และเป็นพระนัดดาของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้อัญเชิญเครื่องราชอิสริยยศ และเครื่องราชูปโภค ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และเครื่องราชูปโภคของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เผย 6 ริ้วขบวนงานพระราชพิธีฯ
พล.ต.ณัฐวัฒน์ อัคนิบุตร ที่ปรึกษาคณะกรรมการฝ่ายปฏิบัติการในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ กล่าวว่า ริ้วขบวนในงานพระราชพิธีฯมีทั้งหมด 6 ริ้วขบวน ดังนี้ ริ้วขบวนที่ 1 อัญเชิญพระบรมโกศพระบรมศพลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านประตูสรีสุนทร ประตูเทวาภิรมย์ ออกสู่ถนนมหาราช และถนนท้ายวัง เข้าสู่ริ้วขบวนที่ 2 เชิญพระมหาพิชัยราชรถทรงพระบรมศพเคลื่อนจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ผ่านหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท ไปยังมณฑลพระราชพิธีท้องสนามหลวง โดยใช้ถนนสนามไชย โดยริ้วขบวนที่ 2 ถือเป็นริ้วขบวนที่มีความสง่างาม และมีผู้ร่วมในริ้วขบวนมากที่สุดถึง 3,000 คน
ริ้วขบวนที่ 3 อัญเชิญพระบรมโกศพระบรมศพเวียนรอบพระเมรุมาศโดยอุตราวัฏ (เวียนซ้าย), ริ้วขบวนที่ 4 เชิญพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคารประดิษฐาน ณ พระบรมมหาราชวัง, ริ้วขบวนที่ 5 เชิญพระบรมอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยานไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และริ้วขบวนที่ 6 เชิญผอบพระบรมราชสรีรางคารออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี เทียบที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร
ในหลวง-พระเทพฯ ร่วมขบวน
พล.ต.ณัฐวัฒน์กล่าวต่อว่า ในส่วนของริ้วขบวนที่ 2 ในวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งจะมีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมศพออกพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง สามารถแบ่งออกเป็นอีก 7 ตอนการเดิน ได้แก่ 1.ขบวนทหารนำ 3 กองพัน 2.นักเรียนเตรียมทหารและทหารเรือ ปี่ กลองชนะ นักเรียนเตรียมทหาร 3.พระ และเครื่องสูงพระนำ 4.พระมหาพิชัยราชรถ 5.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ 6.สมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขา และ 7.ทหาร 2 กองพัน โดยในพระราชพิธีครั้งนี้จะใช้รูปแบบการเดินเท้าต่อเท้าประกอบจังหวะเพลงพญาโศก จากเดิมที่เป็นเปลี่ยนสูงแบบสืบเท้า ทำให้จะใช้เวลาเดินจาก 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นเกือบราว 2 ชั่วโมง เพราะการก้าวจะสั้นลง คาดการณ์ว่าพิธีจะเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00-13.00 น. จึงจะเสร็จสิ้น ทั้งนี้ ในวันที่ 26 ตุลาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯไปยังพระบรมมหาราชวังในเวลา 07.00 น. ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเสร็จการปฐมนิเทศแล้ว คณะกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ ได้เชิญสมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขาที่ได้เข้าร่วมปฐมนิเทศทำการซักซ้อมเดินริ้วขบวนเป็นครั้งแรก ที่หน้าตึกกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ประกอบจังหวะเพลงพญาโศก อาทิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล, ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร, ม.ร.ว.รังษิพันธ์ ยุคล, ม.ร.ว.จันทรลัดดา ยุคล, ม.ร.ว.สุทธิภาณี ยุคล, ม.ร.ว.ปิยฉัตร ฉัตรชัย, ม.ร.ว.จุลรังษี ยุคล เป็นต้น ทั้งนี้ หน่วยงานต่างๆ จะมีการแยกซ้อมแต่ละหน่วยงาน โดยจะมีการซ้อมการเดินริ้วขบวน ณ พื้นที่จริง 3 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 7 ตุลาคม เวลา 07.00 น., วันที่ 12 ตุลาคม เวลา 07.00 น. และวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 07.00 น. การนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ มาทรงร่วมการซักซ้อมในครั้งที่ 3 ด้วย
