พสกนิกรล้นหลามกราบสักการะพระบรมศพ 319 วัน 10.7 ล้านคน

เมื่อวันที่ 18 กันยายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล เป็นวันที่ 285 อาทิ กลุ่มพัฒนาภาคการเกษตรยั่งยืน เขตคลองสามวา ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตำบลดอยลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ศูนย์เรียนรู้พัฒนาบุคลากร ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี สถานเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตำบลเขิน อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ วิสาหกิจชุมชนขั้นพื้นฐาน ตำบลกำแพง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ศิษย์เก่าโรงเรียนพงษ์เวชอนุสสรณ์ บริษัท พราว เอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศล

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 17 กันยายน หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.08 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพในสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 59,068 คน รวม 319 วัน มี 10,774,623 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 6,639,545.75 บาท รวม 319 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 797,286,254.51 บาท

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังจากมีการประกาศของสำนักพระราชวังปิดการสักการะพระบรมศพดำเนินมาเป็นวันที่ 320 ทั้งนี้ หลังจากสำนักพระราชวังออกประกาศให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในวันที่ 30 กันยายนเป็นสุดท้าย พบพสกนิกรเดินทางมายังท้องพิธีสนามหลวงอย่างล้นหลาม ทั้งบรรดาหมู่คณะจากจังหวัดทั่วประเทศ ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและใกล้เคียง แม้สภาพอากาศร้อนอบอ้าวทว่าประชาชนไม่ย่อท้อ บ้างกางร่มที่พกติดตัวมา ถือกระเป๋าเล็กหรือกระดาษขึ้นมาเพื่อบดบังแสงแดด โดยต้นแถวอยู่บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรีต่อเนื่องมายังบริเวณรอบท้องสนามหลวงจรดถนนมหาไชย กระทั่งท้ายคิวอยู่บริเวณหน้าศาลฏีกา ระหว่างนี้มีเจ้าหน้าที่จิตอาสาคอยอำนวยสะดวกแก่ประชาชน เช่น อาหารและน้ำดื่มตลอดวัน

ด.ญ.กัญยากร อ่อนกรม อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนพาณิชสงเคราะห์ จ.นครสวรรค์ เดินทางมาพร้อมคณะครูและนักเรียนโรงเรียนเดียวกันกว่า 200 คน โดยรถบัสโดยสารตั้งแต่ 23.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ก็เริ่มมาต่อแถวเพื่อเข้ากราบพระบรมศพ เผยความรู้สึกว่า หนูเป็นเด็กเยาวชนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันช่วงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงงาน แต่ได้ศึกษาพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของพระองค์ ผ่านทางโทรทัศน์ซึ่งทำให้ทราบว่าพระองค์ทรงงานเพื่อคนไทยหนักมาก

ด.ญ.กัญยากร อ่อนกรม

“โครงการพระราชดำริของพระองค์มีนานัปการ หนูชื่นชอบโครงการแก้มลิงเป็นพิเศษ เพราะคุณพ่อคุณแม่เป็นชาวนา ดังนั้น การกักเก็บน้ำที่ดีจึงไม่ทำให้เรือกสวนไร่นาล่มเพราะน้ำท่วม สำหรับอนาคตอยากเป็นครู หวังจะนำความรู้สอนเด็กรุ่นหลังได้มีความรู้ทั้งวิชาการและศีลธรรม พร้อมจะวางตนเป็นคนดีตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์” ด.ญ.กัญยากร กล่าว

ด้าน นายสุพจน์ สมนาศรี อายุ 35 ปี พนักงานบริษัทเอกชน อ.เมือง จ.ชลบุรี พาครอบครัว นางชัญญา สมนาศรี อายุ 35 ปี อาชีพรับราชการ พร้อมด้วยลูกสาว ด.ญ.กานต์พิชชา สมนาศรี อายุ 2 ขวบ โดยนายสุพจน์ กล่าวว่า ทางครอบครัวได้สมทบกับคณะองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชลบุรี ซึ่งจัดรถไว้บริการเป็นช่วงๆ ตลอดปีเพื่อให้ประชาชนเดินทางมากราบพระบรมศพได้อย่างสะดวก ซึ่งในวันที่ 18 กันยายนเป็นรอบสุดท้าย สำหรับตนและภรรยาเดินทางมาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกไม่ได้พาลูกสาวเดินทางมาด้วย แต่ครั้งนี้ตั้งใจพาลูกสาวมาด้วย เนื่องจากอยากให้ลูกสาวมีโอกาสกราบพระองค์สักครั้งหนึ่งในชีวิต

ครอบครัวสมนาศรี

“ผมน้อมนำคำสอนด้านเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน คือ รู้จักใช้จ่าย และรู้จักใช้ของ ไม่ฟุ่มเฟื่อย เหมือนกับที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงใช้ยาสีพระทนต์จนหมดหลอด โดยจะถือปฏิบัติตัวเองให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง และจะปลูกฝังให้ลูกเป็นคนดีของสังคม ลูกสาวรู้จักพระองค์เพราะที่บ้านสอนเสมอว่าพระองค์เป็นใครและรักประชาชนอย่างไรบ้าง หากเห็นพระองค์ในโทรทัศน์เขาจะก้มกราบโดยอัตโนมัติ” นายสุพจน์กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image