พสกนิกรหลั่งไหลสักการะพระบรมศพ วานนี้ 6.8 หมื่นคน

เมื่อวันที่ 24 กันยายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล เป็นวันที่ 290 อาทิ ชมรมอาจารย์เก่าเตรียมอุดมศึกษา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย และสหพันธ์สื่อมวลชนอาเซียน สมาคมนักร้องลูกทุ่งประเทศไท, สโมสรฟุตบอลเซฟฟิวส์เวนส์เดย์ ฯลฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ เมื่อวันที่ 23 กันยายน หลังปิดการขึ้นกราบถวายสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 03.18 น. ของวันที่ 24 กันยายน ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 68,114 คน รวม 325 วัน มี 11,133,691 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 326 ประชาชนจากทั่วประเทศพร้อมครอบครัวใช้โอกาสวันหยุดสุดสัปดาห์แต่งกายชุดสีดำสุภาพ มาต่อแถวรอกราบถวายสักการะไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ด้วยตั้งใจอยากมากราบพระบรมศพก่อนเปิดให้เข้ากราบวันสุดท้ายในวันที่ 30 กันยายนนี้ จนท้ายแถวยาวออกนอกสนามหลวงหลายกิโลเมตร

Advertisement

นางสายพิน ฉิมสุข อายุ 53 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ที่เดินทางมาพร้อมคุณพ่อชุบ พุ่มผกา อายุ 83 ปี กล่าวว่า ครั้งนี้มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกที่มาก็ป่วย แต่คิดว่าอย่างไรก็ต้องมาให้ได้ เมื่อทราบว่าวันที่ 30 กันยายนจะเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้กราบถวายบังคมพระบรมศพ จึงพาคุณพ่อมากราบด้วย ซึ่งคุณพ่อเพิ่งมาเป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจมากที่ครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสได้มา ยังไม่แน่ใจว่าวันถวายพระเพลิงพระบรมศพจะมีโอกาสได้มาหรือไม่ แต่คิดไว้ว่าถ้ามีบุญวาสนาคงจะได้มาร่วมแสดงความอาลัยต่อพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ดี ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต พระองค์ทรงทำทุกอย่างให้พวกเราทุกคนและไม่เคยทิ้งคนไทย ซึ่งตนได้นำพระราชดำรัสเรื่องการปิดทองหลังพระมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้ และตนได้ตั้งปณิธานว่า ชีวิตที่เหลืออยู่จะทำความดีเพื่อพระองค์ให้ได้มากที่สุด

สายพิน ฉิมสุข-ชุบ พุ่มผกา

นางสาวแก้วใจ พงษ์ทอง อายุ 38 ปี ชาวอำเภอเขาชกรรฉ์ จ.สระแก้ว มาพร้อมครอบครัว เล่าภายหลังกราบพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 ว่า เดินทางจากจ.ชลบุรีมาตั้งแต่เมื่อคืนถึงสนามหลวงตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 23 กันยายน ก็นั่งพักค้างคืนรออยู่ในบริเวณท้องสนามหลวง ก่อนมาเริ่มต่อแถวในเวลา 04.00 น. และได้เข้ากราบพระบรมศพตอนเวลา 13.00 น. ภายหลังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งระหว่างรอตนมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จด้วย

Advertisement

“สำหรับการมากราบพระบรมศพในครั้งนี้ แม้จะเหนื่อยเพราะคนมาเยอะจริงๆ ท่ามกลางอากาศร้อนทำให้หลายคนเป็นลม แต่เมื่อได้เข้ากราบแล้ว ก็รู้สึกคุ้มค่ากับการรอ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ขณะที่ช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตนและครอบครัวอาจไม่ได้มาที่สนามหลวงอีก เพราะคิดว่าคนจะมาที่นี่จำนวนมาก จึงตั้งใจว่าจะทำพิธีที่บ้าน คือวางดอกไม้จันทน์ตามสถานที่ที่งาน” แก้วใจ พงษ์ทอง กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image