ศบค.เผยป่วย “โควิด-19” เพิ่มใหม่เพียง 28 ราย ตายเพิ่ม 2 ราย
โควิด-19 เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์ในประเทศไทยพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย สะสม 40 ราย รักษาหายสะสมที่ 1,288 ราย อยู่ในการรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) จำนวน 1,251 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มใหม่ 28 ราย ใน 68 จังหวัด นับเป็นรายที่ 2,552 -2,579 ราย โดยพบในกรุงเทพมหานคร และ จ.นนทบุรี จำนวน 1,443 ราย ภาคกลาง 340 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 103 ราย ภาคใต้ 498 ราย โดยผู้ป่วยอายุน้อยสุด 1 เดือน อายุมากสุด 91 ปี โดยเฉลี่ยคืออายุ 39 ปี พบผู้ป่วยมากในอายุ 30-39 ปี
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 2 ราย รวมสะสม 40 ราย ได้แก่
รายที่ 1 เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 39 ผู้ป่วยชายไทยอายุ 56 ปี มีประวัติการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม เริ่มมีอาการป่วย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม จึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (รพ.) เอกชนแห่งหนึ่งของ จ.สมุทรปราการ ด้วยอาการไข้ 38 องศาเซลเซียส ไอ หอบเหนื่อย เบื้องต้นแพทย์จึงวินิจฉัยว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ จึงส่งตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอและบี ซึ่งผลตรวจออกมาเป็นลบ แต่การส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีผลออกมาเป็นบวก เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยมากขึ้นแพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เมษายน
รายที่ 2 เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 40 ผู้ป่วยชายไทยอายุ 43 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูงและไตวายเรื้อรัง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เริ่มมีอาการป่วย ด้วยอาการไข้สูง 39.4 องศาเซลเซียส รวมกับอาการไอ น้ำมูก หอบเหนื่อยและถ่ายเหลว เมื่อวันที่ 31 มีนาคม จึงเข้ารับการรักษาที่ รพ. เอกชนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร แพทย์ให้การรักษาและให้กลับบ้าน เมื่อวันที่ 5 เมษายน อาการไม่ดีขึ้นผู้ป่วยจึงเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในของ รพ.แห่งเดิม แพทย์วินิจฉัยโรคเบื้องต้นว่าเป็นโรคปอดติดเชื้อ พร้อมกับส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 และมีผลออกมาเป็นบวก เมื่อวันที่ 9 เมษายน ผู้ป่วยเริ่มมีอาการแย่ลง หอบเหนื่อยมากขึ้น ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดลดลงรวมทั้งหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตในวันที่ 11 เมษายน ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว
“จะพบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย อายุไม่ถึง 60 ปี เป็นสิ่งที่จะต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ และวันนี้มีผู้ป่วยที่เสียชีวิตครบ 40 ราย ทั้งนี้ การลงรายละเอียดของผู้เสียชีวิตเพื่อเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ว่า อาการต่างๆ เป็นอย่างไร และจะมีการรวบรวมเป็นกลุ่ม เพื่อเห็นภาพใหญ่ของผู้ที่มีอาการหนักเหล่านี้จนกระทั่งนำพาให้มีการเสียชีวิต” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
