นอภ. –สสอ.ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่เช็กไทม์ไลน์สาววัย 22ป่วยโควิด-19ควานหาผู้เสี่ยง
วันนี้ (8 เม.ย.63) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ปราจีนบุรี กรณีมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรายแรก ของ อ.กบินทร์บุรี แต่เป็นรายที่ 5 รายล่าสุดของ จ.ปราจีนบุรี เป็นแรงงานในย่านแหล่งบันเทิงย่านรัชดา ซอย 10 กรุงเทพฯ ได้มาพักกับ พ่อ –แม่ ที่เป็นชาว อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ที่มารับจ้างเฝ้าดูแลสวนมะม่วงนายจ้าง ที่หมู่บ้านนาคำ หมู่ 1 ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เข้าตรวจที่ รพ.กบินทร์บุรี พบติดเชื้อโควิด -19 และส่งต่อรักษาอาการที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยผู้ใกล้ชิด ประกอบด้วย พ่อ – แม่ ลูก น้องชาย แรงงานในสวนมะม่วง บุคลากรทางการแพทย์ รพ.กบินทร์บุรี ได้ตรวจไม่พบการติดต่อเชื้อโควิดแต่อย่างใด โดยระหว่างที่พักอยู่กับพ่อ-แม่ ได้ไปสถานที่ต่าง ๆ อาทิ ซ่อมรถที่ศูนย์ไทรพลัส,เดินห้างเทสโก้โลตัส(สาขากบินทร์บุรี),เดินตลาดสดหน้าโรงงานบริษัทไทยฟูด ตามที่ได้นำเสนอรายละเอียดอย่างต่อเนื่องนั้น
นายวัลลพ ประวัติวงศ์ นอภ.กบินทร์บุรี พร้อมด้วยนายอดุลย์ การงาน สาธารณสุข อ.กบินทร์บุรี ,ผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางไปตรวจสอบตามไทม์ไลน์ที่หญิงสาววัย 22ปี เพื่อค้นหา – สอบถามเพิ่มเติมกับบุคคลที่มีความเสี่ยงใกล้ชิด โดยไปไปที่ห้างเทสโก้โลตัส ริมถนนสายสุวรรณศร (กบินทร์บุรี –สระแก้ว) หรือ สาย 33 จากนั้นเดินทางต่อมาที่ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไทรพลัส ตรวจสอบจุดที่หญิงสาวติดโควิด-19 นำรถเข้ามาซ่อม สอบถามหาช่างรับรถ และผู้ใกล้ชิดในวันดังกล่าว
และเดินทางต่อไปที่หมู่บ้านนาคำ หมู่ 1 ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี เข้าพบผู้บริหารบริษัทไทยฟูด ตั้งตรงข้ามตลาดลดจุดที่หญิงสาวติดเชื้อโควิด -19 ไปเดินตลาด มีแรงงานไทย – ต่างด้าว (กัมพูชา)กว่า 3,000 คน ในการแจ้งให้ทราบ และให้วางมาตรการเฝ้าระวังแก่พนักงาน
จากนั้นได้เดินทางไปที่บ้านพักของครอบครัวหญิงสาวที่ป่วยติดโควิด-19 ทีทาง รพ.กบินทร์บุรีได้กักตัวไว้ที่ รพ.กบินทร์บุรีก่อนหน้านี้ และแพทย์ตรวจแล้วไม่พบว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด จึงอนุญาตให้มากักกันตัวที่บ้านพัก
โดยที่พัก เป็นจุดรับ – ส่ง ขายมะม่วง ตั้งอยู่กลางสวนมะม่วงพื้นที่มากกว่า 200ไร่เศษ ตัวบ้านพักห่างจากถนนเข้าไปกว่า 400 เมตรห่างจากบ้านเรือน – ชุมชนกว่า 4 กม.เศษ โดยวันนี้ (8 เม.ย.) เป็นวันแรกที่ทางแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลสถานที่กัดกันหลังจากตรวจไม่พบมีเชื้อโควิด-19 มาพักกลางสวนมะม่วงดังกล่าว
พบเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.กบินทร์บุรี ,อสม.ผู้ใหญ่บ้าน,ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้บริการนำอาหาร,น้ำดื่ม ทำการตรวจวัดอุณหภูมิ ชี้แจงให้คำแนะนำในการเฝ้าระวังในการกักกันตัวที่บ้านพัก พร้อมชีแจงหากพบอาการผิดปกติ ให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อส่งรักษาต่อได้ทันที และได้เดินทางมาเยี่ยมตลาดสดหน้าบริษัทไทยฟูด ที่พบลูกค้าเบาบาง มีเฉพาะแรงงานที่เลิกงานมาซื้อหา
นายวัลลพ ประวัติวงศ์ นอภ.กบินทร์บุรีกล่าวว่า “ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า เจ้าของสวนมะม่วงเป็นชาวจังหวัดสระแก้ว ได้ว่าจ้างพ่อ –แม่ หญิงสาวที่ป่วยติดเชื้อโควิด -19 มาเฝ้าสวน โดยสวนมะม่วงแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากชุมชนกว่า 4 กม. มีเนื้อที่หลายร้อยไร่ ซึ่งคนเฝ้าสวนได้นำลูก –เมีย –หลานมาอยู่ด้วย พร้อมจ้างคนงานส่วนหนึ่งมาจาก อ.นาดี
นายวัลลภกล่าวว่า สำหรับหญิงสาวที่ป่วยติดโควิด -19 เป็นลูกสาว ทำงานในย่านสถานบันเทิง –พักที่กรุงเทพฯ หลังที่ทำงานปิดตัวได้เดินทางมาพักในบ้านพักในสวนกับพ่อ-แม่-น้องชาย และลูกของหญิงสาวที่ฝากพ่อ-แม่เลี้ยง โดยบ้านพักนี้ตั้งห่างจากถนนกว่า 400 เมตร หลังจากทราบว่า หญิงสาวดังกล่าวป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทางสาธารณสุข ได้นำครอบครัวที่พักในสวนไปกักตัวที่ รพ.กบินทร์บุรีและตรวจหาเชื้อ ซึ่งไม่พบแพทย์ได้วินิจฉัย สามารถนำไปกักกันตัวที่บ้านพักได้ โดยพิจารณาจากบ้านอยู่โดดเดี่ยวอยู่กลางสวนมะม่วง ห่างชุมชน และในส่วนของลูกจ้างทำสวนมะม่วง รวม จำนวน 23 คน ทางอำเภอนาดี ตรวจไม่พบเชื้อติดต่อ ได้มีมาตรการกักตัว รวม 14 วันด้วยเช่นกัน
นายวัลลพกล่าวว่า ในส่วนการตรวจสอบเส้นทางตามไทม์ไลน์ ที่ห้างเทสโก้ฯ มีจุดที่หญิงสาวยืนนานที่บริเวณจุดทอนเงิน ส่วนศูนย์ซ่อมรถไทรพลัส ได้กักกันคนรับรถ,ช่าง 14 วัน ส่วนบริษัทไทยฟูดห่างจากตลาด – ชุมชน แต่ได้เข้าไปทำความเข้าใจกับทางบริษัทฯในการสร้างความตระหนักป้องกันร่วมกัน และตลาดสดได้มีมาตรการเข้มงวดในการเข้าตลาดต้องล้างมือ วัดไข้ สวมหน้ากากอนามัยทั้งคนซื้อ คนขาย และได้มีการทำความสะอาด-ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทุกอาทิตย์
ด้านนายอดุลย์ การงาน สาธารณสุข อ.กบินทร์บุรี กล่าวว่า ในส่วนครอบครัว-ผู้ใกล้ชิดหญิงสาวป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง 6 คน (พ่อ-แม่-ย่า –น้องชาย2คน -ลูกชาย ) ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ได้ให้กลับมาพักกักตัวที่บ้านพักสวนมะม่วง ซึ่งทุกวันทาง สสอ.-อสม.จะมาตรวจไข้ ดูแลความเรียบร้อย ให้คำแนะนำการปฏิบัติอย่างเข้มงวดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน บริเวณตลาดสดหน้าบริษัทไทยฟูด มีการเข้มงวดตรวจการเข้าตลาด-ออกทางเดียว ให้ทุกคนล้างมือ วัดไข้ สวมหน้ากากอนามัย และพบ รายได้จากการขายสินค้า ส่วนใหญ่เป็นอาหารลดลงมากเกินครึ่ง
