“ม.ล.สิทธิไชย” แนะคนอยากแจกของควรทำรายชื่อผู้ยากไร้ก่อนแจก อย่าแจกเพราะอยากแจกเพราะบางคนรับไปแล้วไม่เห็นค่า

“ม.ล.สิทธิไชย” แนะคนอยากแจกของควรทำรายชื่อผู้ยากไร้ก่อนแจก อย่าแจกเพราะอยากแจกเพราะบางคนรับไปแล้วไม่เห็นค่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.ล.สิทธิไชย ไชยันต์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีเรื่องการแจกอาหาร โดยระบุว่า “แจกของลงขยะ” โดยมีรายละเอียดคือ

“เห็นคิวผู้คนไปรับของแจกตามที่ต่างๆแล้ว แรกๆนึกว่า คนยากไร้มีมากกว่าที่คิด แต่ต่อมา ก็ได้เห็นภาพริมถนนแห่งหนึ่ง ที่มีคนเอาอาหารกล่องที่เพิ่งได้รับแจกไปทิ้ง

คนอื่นเดินผ่านไปมาในที่นั้นก็ไม่มีใครแยแสกับอาหารที่ยังกินได้ แกงบางถุงยังไม่ได้แกะ ก็ทิ้งไปทั้งที่ยังไม่ทันจะรู้รสชาติ

นี่ไม่ใช่คนจน ไม่ใช่คนขาดแคลน แต่เป็นคนที่มารับของเพื่อประโยชน์ส่วนตน อะไรพอเอาไปขายได้ก็หอบไป อะไรไม่ชอบก็ทิ้ง

Advertisement

อยากจะเล่าอะไรให้อ่านกันสักนิดนะครับ เป็นเรื่องการแจกของนี่แหละ

พ่อผมลาออกจากตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารเอกชนในขณะอายุราวห้าสิบปี

ออกไปเพื่อทำงานให้กองอาสากาชาด สภากาชาดไทย ไม่มีเงินเดือน

Advertisement

ก่อนออกจากธนาคาร พ่อคุยกับผมว่า เรามีกันอยู่แค่สองคน ถึงจะไม่รวยแต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ขอให้พ่อได้ทำงานเพื่อความพอใจของพ่อบ้าง จะยอมเสียสละบ้างได้ไหม

ผมลองคิด กว่าไต่จะมาถึงตำแหน่งนี้ ไม่ใช่ง่าย และตำแหน่งระดับนี้ ถ้าไม่ออกจากธนาคาร สิบปีจะได้เงินกี่สิบล้าน

พ่อไม่เอา

แต่นี่คือชีวิตพ่อ เงินพ่อ ต้องแล้วแต่พ่อ ตัวผมเองมีความเป็นตัวตนสูงเหมือนกัน ถ้าผมจะทำอะไร ก็ไม่ชอบให้ใครมาขัด

ผมบอกว่าตามใจพ่อ ถ้าคิดว่าเบี้ยประชุม และเงินบำเหน็จ มันพอกิน ผมก็ไม่มีปัญหา

บำเหน็จพ่อได้ไม่มาก เพราะออกก่อนเกษียณสิบปี

ผมเรียนรามฯ ไม่ได้ใช้เงินมาก คุณย่าให้ค่าขนม ผมเขียนหนังสือได้ค่าหน่วยกิต บ้านมีอยู่ ไม่ต้องเช่า พอแล้ว

ตกลงเราก็อยู่กันแบบนั้น จนผมเรียนจบและสอบเข้าทำงานราชการหาเงินได้เอง ผ่านช่วงตื่นเต้นไปได้

ในช่วงที่พ่ออยู่กองอาสากาชาดนั้น ผมตามพ่อไปแจกของเป็นบางครั้ง ได้เห็นความทุกข์ยากของชาวบ้าน ได้เห็นความเสียสละของทหารตามชายแดน เห็นสภาพน่าตกใจของโรงพยาบาลสนาม

รู้สึกว่าพ่อทำถูกแล้วที่สละตำแหน่ง สละเงินทองมาทำงานเพื่อคนยากไร้

วันพุธที่ 22 เมษายน เป็นวันเกิดพ่อ ถ้ามีชีวิตอยู่ พ่อจะอายุ 96 ปี

ผมในฐานะลูก จะบอกว่าไม่ได้รับผลกระทบก็ไม่ได้ ที่จริงผมน่ะคือคนที่เจอผลกระทบโดยตรง

จากเดิมที่ไม่มีแม่ ก็มาแถมไม่มีพ่อเพราะมัวอยู่ตามชายแดน เงินก็ดันไม่ค่อยมีอีก เพราะพ่อเลิกหาเงินไปดื้อๆ

แต่ข้อดีคือ ผมมีโอกาสได้เห็นความยากลำบากของผู้คน รู้ว่าเมืองไทยยังมีคนยากไร้อยู่มาก

ในเวลาต่อมา เมื่อตัวผมเองมีโอกาส มาทำงานในตำแหน่งที่ช่วยเหลือชุมชนได้ ผมจึงดีใจ และได้มุ่งพัฒนางานด้านนี้มากเป็นพิเศษ

ประสบการณ์การแจกของ ทำให้รู้ว่าจำเป็นต้องมีการสำรวจว่าใครลำบากจริง ทำรายชื่อ แล้วแจกตามนั้น

มันอาจยังไม่ทั่วถึงอยู่ดี และรายชื่อก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ของราชการในแต่ละพื้นที่จัดเตรียมมาให้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย

คนที่มาแจกของสมัยนี้ บางคน ไม่จัดระเบียบ ไม่ทำรายชื่อ มันก็จะวุ่นวาย อันนี้ผมไม่ขอวิจารณ์ อาจไม่มีประสบการณ์หรือมีข้อขัดข้องอะไรที่ผมไม่ทราบ

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่เป็นประเด็นคือมีคนรับอาหารแล้วเอาไปทิ้ง และก็ทิ้งมันตรงนั้นแหละ ให้รู้ไปว่าของไม่ถูกปาก กูไม่กิน

ใครเคยจัดของแจกมาก่อน คงรู้ดีว่ามันเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน

คนแจกบางคนอาจจะมีวัตถุประสงค์แอบแฝง คนรับเลยไม่เห็นคุณค่า แต่อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจพอจะนำของมาแจก

น่าจะรักษาน้ำใจกันบ้าง หรือนึกถึงคนอดอยากบ้าง ตัวเองไม่กินก็เอาไปให้คนขาดแคลนกินได้

พ่อสละเงินทองมากมาย สละความสุขสบายมาทำงานนี้ด้วยความเชื่อมั่นว่า ถ้าทุกคนช่วยกันทำงานเพื่อผู้ตกยากแล้ว วันหนึ่งประเทศชาติของเราต้องดีขึ้น

ผ่านไปสี่สิบปี เราได้มีสังคมที่คนรับของแจกแล้วเอาไปทิ้งขยะ ส่วนที่ไม่ทิ้งเก็บเอาไปขาย

ในภาวะวิกฤตอย่างนี้ มีคนทำกันได้อย่างนี้ ไม่ทราบว่าหัวใจทำด้วยอะไร มาจากมิติไหน

ถึงพ่อจะไม่ได้เป็นคนแจกของในสมัยนี้ แต่ถ้าพ่อมาเห็น พ่อคงเสียใจ

ผมก็เสียใจ

ม.ล.สิทธิไชย ไชยันต์
เมษายน 2563

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image