‘อนุทิน’ คาดไทยจะเป็นประเทศเป้าหมายนักท่องเที่ยวหลัง ‘โควิด-19’ ซา
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการสัมมนาผ่านวิดีโอทางไกล “Post Covid 19: ชีวิตวิถีใหม่ กับการจัดระเบียบและขับเคลื่อนสร้างความพร้อมกรุงเทพมหานคร และเมืองหลักในเพื่อการจัดงาน” และปฐกถาหัวข้อ นโยบายสาธารณสุขกับมาตรการความปลอดภัยและการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและไมซ์ (MICE) ว่า ความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด -19 ไม่ใช่แค่การยุติการระบาดได้เท่านั้น แต่ต้องควบคุมโรค และสร้างสมดุลกับการประคับประคองเศรษฐกิจ สังคม ความเป็นอยู่ของประชาชนให้ปกติสุขที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ในวันที่โลกยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
“ในส่วนของประเทศไทยบุคลากรทางการแพทย์ต่างทำงานอย่างหนัก เพื่อควบคุมโรคจนสามารถเริ่มผ่อนคลายมาตรการทางสังคม เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยยังคงมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง และมีมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 และส่งเสริมจัดทำแนวทางปฏิบัติด้านสุขอนามัยสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE Venue Hygiene Guidelines) ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่วิถีใหม่นี้ไปให้ได้” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์การโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย น่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ทำให้คนอยากมาเที่ยวประเทศไทย เป็นประเทศที่คนทำธุรกิจ หรือนักท่องเที่ยวที่จะเลือกมายังประเทศไทย
“วันนี้ประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ แล้ว ที่พบส่วนใหญ่ก็มาจากต่างประเทศ ซึ่งเราดูแลอยู่แล้วเป็นอย่างดี พ้นจากนี้ไปดูแนวโน้มแล้วน่าจะควบคุมได้ก็คงเริ่มให้มีการไปมาหาสู่กันมากขึ้นในประเทศไทย แต่ก็ต้องไม่ทำในสิ่งที่ห้าม เช่น ไม่คลุกคลีคนกลุ่มเสี่ยง คงวิถีชีวิตใหม่ สวมหน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว ผมกังวลเพราะระยะฟักตัวของโรค 14 วัน พอเข้าสัปดาห์ที่ 3 แล้วยังนิ่งอยู่ แปลว่าคนไทยทุกคนให้ความร่วมมือดี พิสูจน์ทฤษฎีขององค์การอนามัยโลกว่า การสวมหน้ากากอนามัยเป็นการป้องกันตัวเองที่ดีในช่วงที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน” นายอนุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แปลว่าไม่เป็นที่น่ากังวลหากมีการกระตุ้นการท่องเปิดท่องเที่ยวในเดือนกรกฎาคมนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าในไทยไม่มี คือไม่มี แต่อย่าไปทำให้เกิดภาวะสุ่มเสี่ยง เช่น มีญาติกลับมาจากต่างประเทศ ก็ไม่ใช่แห่ไปรับ สังสรรค์ เป็นต้น แต่เชื่อว่าไม่มี เพราะคนเข้ามาในประเทศต้องเข้าระบบการแยกกัก ดูแล 14 วัน อยู่แล้ว
