ศบค.ห่วง “แทรเวล บับเบิล” ชี้ต้องคิดหลายมิติ “อนุทิน” ต้องจับคู่ปท.ที่โควิด-19 ไม่รุนแรง
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) กล่าวถึงมาตรการจัดทำแทรเวล บับเบิล (ฺTravel bubble) ในการจับคู่ประเทศที่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า ศบค. มอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หารือในมาตรการนี้ ล่าสุดยังมีความกังวลอยู่ และมีการชั่งน้ำหนัก 2 ทาง คือ 1.การเปิดประเทศให้มีการเดินทางแทรเวล บับเบิล ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างจำกัด และ 2.เปิดแบบทุกวันนี้ ที่เป็นแบบกึ่งเปิดประเทศ คือ ให้ประชาชนคนไทยสามารถเดินทางเข้าอย่างจำกัด โดยจะต้องมีหลักการคิดว่าทางไหนจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งมีความสำคัญทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจ
“การออกใบรับรองแพทย์นั้น ทาง สธ.พบว่า ผู้เดินทางมีการติดเชื้อทั้ง ก่อน-ระหว่าง-หลังเดินทาง มีการพบรายงานผู้ป่วยในทุกรูปแบบ หากเราจะทำด้านใดด้านหนึ่ง จะต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ ขณะนี้มีผู้รู้ที่ได้เสนอรายละเอียดมาเพื่อการตัดสินใจอย่างรอบคอบ และในกลางสัปดาห์นี้จะมีการประชุม ศบค.ชุดเล็ก เพื่อทำสรุป นำเสนอไปยัง ศบค.ชุดใหญ่” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวถึงกรณีแนวคิดของการทำแทรเวล บับเบิล ซึ่งเป็นการจับคู่ประเทศในการเดินทางระหว่างประเทศว่า หากจะดำเนินการจะต้องทำเป็นคู่ประเทศอยู่แล้ว โดยต้องดูว่า ต้องไม่เป็นประเทศที่มีการติดเชื้ออย่างรุนแรง มีการจัดการสถานการณ์ของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และทั้ง 2 ประเทศ จะต้องหารือกันว่า จะมีมาตรฐานป้องกันโรคอย่างไรที่เป็นที่ยอมรับของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งอาจจะกำหนดประเภทของผู้เดินทาง สธ.มีหน้าที่เข้าไปชี้แจงกับ ศบค. ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง และหากมีผู้ติดเชื้อจะมีการนำเข้ามารักษาได้ โดยไม่เดือดร้อนกับประชาชน
“เราเปิดกว้างอยู่แล้ว ใครจะเจรจา โดยได้คุยกับท่านทูตสิงคโปร์ นิวซีแลนด์ จีน เกาหลี ซึ่งจะต้องนึกถึงความสบายใจของประชาชน ไปถึงเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนด้วย ในหลายมิติรวมกัน ซึ่งในวันนี้น่าจะมีสิ่งดีๆ ขึ้นมาหลายเรื่อง” นายอนุทิน กล่าว
