สธ.แจง “30 ลูกเรือ” ใกล้ชิดทหารอียิปต์เสี่ยงต่ำติดเชื้อ “โควิด-19” ยันไม่แพร่โรค

สธ.แจง “30 ลูกเรือ” ใกล้ชิดทหารอียิปต์เสี่ยงต่ำติดเชื้อ “โควิด-19” ยันไม่แพร่โรค

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ถึงความคืบหน้ากรณีการสอบสวนโรคของนายทหารชาวอียิปต์ที่ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 และลูกเรือรวม 31 ราย และเดินทางออกนอกพื้นที่โรงแรมใน จ.ระยอง ว่า จากการลงพื้นที่ จ.ระยอง พบว่า กลุ่มนายทหารอียิปต์ จำนวน 31 ราย มีเพียง 1 ราย ที่พบการติดเชื้อโควิด-19 และมีไทม์ไลน์ในการเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และมีการบินออกไปและกลับมา 2 รอบ การบินเข้ามามีผู้ที่เป็นกราวน์เซอร์วิซ คือ สายการบินไทย ภายใต้การกำกับของราชการตั้งแต่สนามบินไปจนถึงโรงแรมดีวารี (Dvaree) แต่สิ่งสำคัญคือ การสอบสวนกล้องวงจรปิด แอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” และสมุดการลงชื่อของประชาชนในการเข้าสถานที่ เหล่านี้มีประโยชน์ในการติดตามผู้สัมผัสหรือผู้มีความเสี่ยง

“เราพบการฝ่าฝืนมาตรการมีเพียงการออกจากโรงแรมไปห้างสรรพสินค้าแพชชั่น เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ช่วงสายถึงบ่ายของวันเดียวกันเท่านั้น หากประชาชนพบเห็นการเดินทางระหว่างทาง ให้แจ้งมาที่กรมควบคุมโรคได้ ส่วนของราชการยังคงสอบสวนและตรวจสอบให้เข้มข้นให้ครอบคลุมอยู” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับกลุ่มของทหารอียิปต์ที่ฝ่าฝืน แบ่งเป็น กลุ่ม 27 ราย เดินเท้าไปห้างแพชชั่น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม แต่ไม่ได้เดินทางไปครั้งเดียว 27 รายเป็นการทยอยเดินทางออกไปเป็นกลุ่มย่อย โดยผู้ติดเชื้ออยู่ในกลุ่มย่อยรวม 6 ราย ถัดมาคือ กลุ่ม 4 ราย ได้เหมารถแท็กซี่ไปห้างเซ็นทรัลระยอง โดยทั้ง 31 ราย ได้ถูกติดตามกลับมา และตรวจหาสารคัดหลั่งด้วยวิธีการ swab ในวันเดียวกัน และวันถัดมาพบว่าติดเชื้อ 1 ราย

“ดังนั้น หมายความว่ากลุ่มที่ไปห้างเซ็นทรัลฯ และกลุ่มย่อยอื่นที่ไปห้างแพสชั่น โดยไม่ใช่กลุ่มที่ผู้ติดเชื้อไปด้วย จะไม่แพร่โรคหรือมีโอกาสต่ำมาก เมื่อเจาะเข้าไปแล้วกลุ่มที่ผู้ติดเชื้อไปคือ เวลา 11.00-15.00 น. เมื่อดูกล้องวงจรปิด พบว่าสวมหน้ากากอนามัย ผ่านการคัดกรองที่ห้าง ล้างเจลแอลกอฮอล์ โดยผู้ติดเชื้อเดิน 2 ชั้น เป็นชั้น 2 และ 3 โดยไม่ได้ซื้อของ หรือ รับประทานอาหารแต่อย่างใด เมื่อกลับมาที่โรงแรมก็เข้าห้องพัก จึงอยากสื่อสารกับประชาชนว่าผู้ติดเชื้อ ไปสัมผัสกับรายไม่มาก” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

Advertisement

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า ช่วงค่ำของวันที่ 10 กรกฎาคม ลูกเรือชาวอียิปต์จำนวน 31 ราย ไม่ได้ออกจากที่พักแม้แต่รายเดียว ดังนั้น จากการสอบสวนโรคและค้นหา กรณีของทหารอียิปต์ติดเชื้อ 1 ราย พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 11 ราย เป็น 1.พนักงานขับรถจากสนามบินไปยังโรงแรมทั้งไปและกลับ จำนวน 4 ราย 2.บุคลากรของโรงแรม 7 ราย และทุกรายได้หาเบื้องต้นด้วยการตรวจเชื้อด้วยการ swab พร้อมทั้งกักตัวแยกจากผู้อื่นอย่างน้อย 14 วัน เบื้องต้นผลการตรวจหาเชื้อ ทั้ง 11 ราย ไม่มีการติดเชื้อ และกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ จำนวน 6 ราย เป็น 1.พนักงานโรงแรม และ 2.เจ้าหน้าที่ผู้เข้าเก็บเชื้อกลุ่มชาวอียิปต์ ขณะนี้ได้ให้หยุดงานและกักตัวอยู่ในสถานที่กำหนด โดยต้องแยกออกจากผู้อื่นอย่างน้อย 14 วัน ทั้งนี้ มีผู้สัมผัสเพิ่มเติมที่ได้จากการสอบสวนโรคกล้องวงจรปิด และการใช้แอพพ์ฯ ไทยชนะ รวม 413 ราย ทางทีมยังคงสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความมั่นใจ แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ไม่อยู่ไทม์ไลน์สถานที่มีความเสี่ยงต่ำมาก แต่ต้องเฝ้าระวังอย่างน้อย 14 วัน รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล สวมหน้ากากอนามัย แยกของใช้ ล้างมือ และเว้นระยะห่างกับผู้อื่นไปจนถึงลดการเดินทางออกนอกบ้าน

“จากการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต่ำและผู้ที่มีความกังวล ในพื้นที่ จ.ระยอง จำนวน 1,333 ราย ด้วยรถพระราชทานเคลื่อนที่เก็บเชื้อชีวนิรภัย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผลตรวจออกมาแล้ว 416 ราย ยังไม่พบการติดเชื้อ แต่บุคคลดังกล่าวจะได้รับการแจ้งผลเป็นรายคน และยังต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มข้นอย่างน้อย 14 วัน แต่หากมีอาการป่วยสามารถเข้ามาตรวจเพิ่มเติมได้ กลุ่มรายที่อยู่ในไทม์ไลน์ แม้ว่าไม่ใช่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่สามารถขอคำปรึกษาและรับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือรถพระราชทานเคลื่อนที่เก็บเชื้อชีวนิรภัยที่เดินทางออกไปในสถานที่ต่างๆ โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้ สธ.เป็นผู้ดูแลเอง” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

Advertisement

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การควบคุมป้องกันโรค ได้ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 ราย ได้ทำการตรวจและกักตัวแล้ว ประชาชนไม่ต้องกังวล รวมถึงได้ปิดสถานที่เพื่อลดการแพร่เชื้อ ด้วยการปิดโรงแรมดีวารี ห้างแพสชั่น ไม่น้อยกว่า 3 วัน โดยต้องขอขอบคุณผู้ประกอบกิจการที่ให้ความร่วมมือ เมื่อครบระยะเวลาจะมีเจ้าหน้าสาธารณสุข จ.ระยอง เข้าไปตรวจประเมิน ก่อนพิจารณาให้เปิด เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ทั้งนี้ การปิดโรงเรียนเป็นสิ่งที่ดี เป็นการป้องกันไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม จากไทม์ไลน์พบว่าความเสี่ยงอยู่ในวงจำกัด และได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยอง เป็นผู้พิจารณาให้เปิดโรงเรียนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ คาดไม่ว่าไม่เกิน 7 วัน

ด้าน นพ.เอนก มุ้งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค กล่าวว่า กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีผู้ขอรับการตรวจยืนยันโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องจาก 2 เหตุการณ์นี้ รวม 1,599 คน แบ่งเป็นกรณี จ.ระยอง 1,333 ราย ตรวจผลออกมา 416 รายให้ผลลบ ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มคนที่ลงทะเบียนมารับการตรวจ 41 ราย และ วันนี้ขอรับการตรวจเพิ่ม 120 ราย และ เหตุการณ์คณะทูตซูดาน 266 ราย ตรวจแล้ว 144 รายให้ผลลบ ซึ่งการตรวจค้นหาในส่วนของ จ.ระยอง เน้นในพนักงานโรงแรมดีวารีทั้งหมด และ พนักงาน ห้างแพชชั่นทั้งหมด และ ผู้ที่ห้างในวันและเวลาดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อเพิ่มการตรวจให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากรถพระราชทาน ตรวจเชื้อชีวนิรภัย ที่ประจำอยู่ 3 คันแล้ว ยังได้รับเพิ่มอีก 4 คัน เพื่อให้บริการตรวจครอบคลุม 1,000 ราย ต่อวัน และจะประจำอยู่ในพื้นที่ 14 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มทหาร 31 รายนั้น มีการออกนอกพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จาการดูกล้องวงจรปิดทุกจุด และการสอบสวนโรค ประเด็นที่ประชาชนสงสัย คือ 1.ได้หลบหนีออกไปเที่ยวกลางคืนหรือไม่ ยืนยันว่าจากกล้องวงจรปิดไม่มีผู้ใดออกไปจากโรงแรม 2.ระหว่างเส้นทางได้ออกไปที่ไหนหรือไม่ จากการประสานไปยังสถานทูตอียิปต์ได้ข้อมูลว่า ทางคณะไม่ได้ไปสัมผัสกับผู้อื่นมากและอยู่ในไทม์ไลน์ที่ตรงกับทางการไทยสอบสวน โดยสถานที่หลักคือ โรงแรมดีวารี เมื่อวันที่ 8-11 กรกฎาคม และอยู่ในชั้น 7-8 ของโรงแรมและห้างแพชชั่น ชั้น 2-3 หากประชาชนมีความกังวลให้ปรึกษากับหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน

“จึงอยากตีขอบเขตผู้สัมผัสให้สอดคล้องกับข้อมูลทางระบาดวิทยา อย่าตีขอบเขตให้สอดคล้องกับกิจการ ไม่งั้นเราจะไปปิดกิจการกิจกรรมที่ไม่มีความเสี่ยงเกินความจำเป็น อยากเรียนว่าการปิดกิจการ เป็นการป้องกันที่ดี ไม่มีใครว่า แต่สุดท้ายเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยงนี้แน่นอน และเหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ เราไม่ควรยอมให้เชื้อต่างประเทศมาทำให้วิถีชีวิตใหม่ของเราเกิดความกลัว อยู่แต่ในบ้าน หรือปิดกิจการกิจกรรมมากเกินไป แต่ที่ปิดแล้วเป็นความเสี่ยงและจะต้องปิดทั้งหมด เช่น โรงแรมและห้าง” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image