วันนี้! ไทยติด “โควิด-19” เพิ่มอีก 6 ราย ตรวจกลุ่มเสี่ยงระยอง-สุขุมวิท 7,207 ราย ไม่พบเชื้อ
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย สะสมอยู่ที่ 3,261 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย และอยู่ในสถานกักกันโรคของรัฐ (State Quarantine) 324 ราย ไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม ตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย ผู้ป่วยรักษาหายสะสมที่ 3,105 ราย อยู่ในการรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) จำนวน 98 ราย ในจำนวนผู้ป่วยสะสมพบในกรุงเทพมหานคร และ จ.นนทบุรี 1,794 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคกลาง 517 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 111 ราย ภาคใต้ 744 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ คัดกรองที่ด่านควบคุมโรค และเข้าสถานที่กักกันของรัฐ มาจาก
1.ประเทศอียิปต์ 4 ราย ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม
(เป็นเที่ยวบินเดียวกับที่เคยมีรายงานก่อนหน้านี้แล้ว 11 ราย) เข้าพักสถานกักกันโรคของรัฐที่ จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 21 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ
2.ประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันโรคฯ ที่กรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 20 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
3.ประเทศเยอรมนี 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 57 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันโรคฯ ที่กรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 20 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
“ในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่เช้านี้ ทาง นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานการตรวจตัวอย่างกรณีสอบสวนโรคเพิ่มเติมพื้นที่ จ.ระยอง กับย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ ข้อมูลตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 – 21 กรกฎาคม มีผู้เข้ามาตรวจใน 2 พื้นที่ สะสม 7,207 ราย ไม่พบเชื้อทุกราย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าวและว่า ในสถานการณ์โควิด-19 ต่างประเทศมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 241,012 ราย ซึ่งเป็นภาวะวิกฤต และมีผู้ป่วยสะสมทั่วโลก 15,093,712 ราย เสียชีวิต 619,467 ราย โดย 5 อันดับแรก คือ 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 4,028,569 ราย เสียชีวิต 144,953 ราย 2.บราซิล จำนวน 2,166,532 ราย เสียชีวิต 81,597 ราย 3.อินเดีย จำนวน 1,194,085 ราย เสียชีวิต 28,770 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 783,328 ราย เสียชีวิต 12,580 ราย และ 5.แอฟริกาใต้ จำนวน 381,798 ราย เสียชีวิต 5,368 ราย และประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 103
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอความก้าวหน้าเรื่องวัคซีน ในประเทศมีการทำงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องใช้เวลาในการผลิตเอง แต่ยังมีความร่วมกับต่างประเทศคือ อังกฤษ ที่มีการเริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว ทาง ศบค.ชุดใหญ่จึงให้มีการร่วมมือกันอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาล และการประสานงานภาคเอกชนคือ บริษัท สยามไบโอ-ไซม์ ซึ่งเป็นโรงงานที่มีศักยภาพสูง ได้ผลิตชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยจะมีการสนับสนุนเรื่องงบประมาณเพื่อต่อยอดพัฒนา ที่ประชุมได้อนุมัติหลักการ เพื่อลงรายละเอียดก่อนนำไปเสนอหาแหล่งเงินทุน ไปสู่ความร่วมมือดับประเทศที่สามารถผลิตวัคซีนได้โดยเร็ว ให้เกิดความมั่นคงในสาธารณสุขต่อไป
