“หมอยง” แนะปกป้อง “กลุ่มสูงวัย” ติด “โควิด-19” ชี้ลดอัตราป่วยตายได้
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยเปรียบเทียบอัตราการป่วยตายกับโรคอุบัติใหม่ในกลุ่มไวรัสโคโรนาอื่นๆ ทั้งโรคทางเดินหายใจอักเสบอย่างรุนแรง หรือ ซาร์ส (SARS) โรคปอดบวมตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส (MERS) โรคไข้หวัดใหญ่สเปน และไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งพบว่าโควิด-19, ซาร์ส และเมอร์ส ผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนใหญ่อายุเกิน 50 ปี ขณะที่โรคไข้หวัดใหญ่สเปน ผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก คนวัยหนุ่มสาว ส่วนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลพบได้ทั้งเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
ศ.นพ.ยง ระบุว่า ดังนั้นกลยุทธ์ในการควบคุมการระบาดและความสูญเสียจากโรคโควิด-19 จึงควรปกป้องกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ในสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ที่ใช้กลยุทธ์ป้องกันผู้สูงอายุไม่ให้ติดเชื้อ ซึ่งล่าสุดแม้ญี่ปุ่นจะมีการระบาดระลอก 2 แต่มีแนวโน้มลดลงกว่ารอบแรกมาก โดยอัตราการเสียชีวิตรวมขณะนี้ อยู่ที่ร้อยละ 2.2 น้อยกว่าในอิตาลี อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
ญี่ปุ่นไม่ได้มีการปิดเมือง แต่ใช้วิธีพยายามควบคุมกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้กลุ่มเสี่ยงติดโรค
ไม่แน่ใจว่าสังคมไทย เรารู้ว่าบุคคลในครอบครัวจะติดต่อกันได้ง่าย การป้องกันผู้สูงอายุในครอบครัวจะทำได้ยาก เพราะสังคมไทยยังเป็นครอบครัวใหญ่” ศ.นพ.ยง ระบุ
ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวระบุว่า
โควิด 19 อัตราการป่วย ตาย ในโรคอุบัติใหม่ในกลุ่ม coronavirus ได้รวบรวม สไลด์เก่าของผม
มารวมให้ดู จะเห็นว่า ตั้งแต่โรคทางเดินหายใจอักเสบอย่างรุนแรง (SARS) ปอดบวมตะวันออกกลาง (MERS) มาจนถึง โควิด 19 ผู้ป่วยเสียชีวิต จะสูงขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 50 ปี
เมื่อเปรียบเทียบกับ ไข้หวัดใหญ่สเปน อัตราการป่วยตายจะสูงในเด็กเล็ก คนหนุ่มสาว และผู้สูงอายุ แต่ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล จะพบความสูญเสียถึงชีวิต ในเด็กเล็ก กับผู้สูงอายุ โควิด 19 จึงสร้างปัญหาให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
กลยุทธ์หนึ่งในการควบคุมการระบาดและความสูญเสีย จะปกป้องผู้สูงอายุ ไม่ให้เป็นโควิด 19 ในสิงคโปร์ มีผู้ป่วยถึง 55,000 ราย มีผู้เสียชีวิตเพียง 27 คน เพราะส่วนใหญ่เป็นในกลุ่มของแรงงานต่างชาติ มีอายุน้อย อยู่แออัด ปกป้องคนสิงคโปร์ โดยเฉพาะที่มีอายุมาก
ในการระบาดระลอกสองของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นก็ใช้นโยบายแบบเดียวกัน อัตราการเสียชีวิตในรอบ 2 มีแนวโน้มลดลงกว่ารอบแรกมาก แม้จะมีผู้ป่วยวันละเป็นพันราย โดยอัตราการเสียชีวิตรวมขณะนี้ อยู่ที่ 2.2 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าในอิตาลี อังกฤษ และอเมริกา
ญี่ปุ่น ไม่ได้มีการปิดบ้านปิดเมืองมาก พยายามควบคุมกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้กลุ่มเสี่ยงติดโรค
ไม่แน่ใจว่าสังคมไทย เรารู้ว่าบุคคลในครอบครัว จะติดต่อกันได้ง่าย การป้องกันผู้สูงอายุในครอบครัว จะทำได้ยาก เพราะสังคมไทยยังเป็นครอบครัวใหญ่
อย่างไรก็ตามไม่ควรให้เกิดการระบาดรอบ 2 เป็นดีที่สุด”
#ขอบคุณข้อมูลจาก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
