สธ.สรุปผลค้นหาผู้สัมผัสดีเจ 990 คน ส่งตรวจ 520 คน ไม่พบเชื้อโควิด-19

สธ.สรุปผลค้นหาผู้สัมผัสดีเจ 990 คน ส่งตรวจ 520 คน ไม่พบเชื้อโควิด-19 อยู่ระหว่างดำเนินการ 16 คน

วันนี้ (7 กันยายน 2563) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 กรณีผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา

สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 7 กันยายน สธ.โดยทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรค เพื่อค้นหา และติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำทันที เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR

1.บุคคลในครอบครัว มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 6 คน (ภรรยา ลูก 2 คน น้องภรรยา พ่อตา แม่ยาย) ผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่น 6 คน รวม 12 คน ผลการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) พบว่าทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19

2.ผู้ที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียม มีผู้สัมผัส รวม 137 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ผลการตรวจหาเชื้อทางห้องแล็บพบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19

Advertisement

3.ศาลอาญา มีผู้สัมผัส รวม 492 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 14 คน ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว 13 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 อีก 1 คน นัดหมายตรวจวันที่ 8 กันยายน 2563 และมีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 478 คน ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว 146 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 อีก 332 คน อยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน

4.โรงพยาบาล (รพ.) ราชทัณฑ์ มีผู้สัมผัส รวม 6 คน ทั้งหมดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ และอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน

Advertisement

5.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง มีผู้สัมผัส รวม 111 คน แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ 76 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 24 คน ทั้งหมดนัดเก็บตัวอย่างครั้งแรกวันที่ 8 กันยายน 2563 ครั้งที่ 2 วันที่ 16 กันยายน 2563 ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 52 คน ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน และแบ่งเป็น ผู้ต้องขัง 35 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บครั้งที่ 1 แล้ว 34 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 ส่วนอีก 1 คน นัดหมายตรวจอีก 2 ครั้ง ในวันที่ 8 และ วันที่ 16 กันายน 2563

6.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มีผู้สัมผัส รวม 8 คน (ผู้ต้องขังรถคันเดียวกัน) เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 และนัดหมายตรวจอีก 1 ครั้ง ในวันที่ 8 กันยายน 2563

7.ร้านอาหารพระราม 3 มีผู้สัมผัส รวม 34 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 คน ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 14 คน ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 ส่วนอีก 16 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

8.ร้านอาหารพระราม 5 มีผู้สัมผัส รวม 60 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 25 คน ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 35 คน ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน

9.ร้านอาหารที่ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัส รวม 15 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 คน ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 13 คน ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19

10.ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัสเป็นพนักงานร้านอาหารและร้านค้า รวม 112 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ได้ผลการตรวจทางห้องแล็บแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19

11.สถานศึกษาย่านประชาอุทิศ มีผู้สัมผัส รวม 3 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด และอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน

12.ห้างสรรพสินค้าย่านสุขสวัสดิ์ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ติดตาม

สรุปผลการค้นหาผู้สัมผัสรวม 990 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 118 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 856 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 16 คน ส่งตรวจ 520 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวน และมาตรการป้องกันโรคของ สธ.อย่างต่อเนื่องจนครบกระบวนการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทย จึงขอให้ทุกคนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง และขอให้ประชาชนยังคงดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเช่นเดิม “สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด” สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนโทร.1422

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image