‘ปลา ไอเบอรี่’ โพสต์จากใจ ถึงโฆษก กทม. หลังเจอไทม์ไลน์ ผิดซ้ำ ‘เหมือนถูกทิ้งระเบิดใส่’

‘ปลา ไอเบอรี่’ โพสต์จากใจ ถึงโฆษก กทม. หลังเจอไทม์ไลน์ ผิดซ้ำ บอกเหมือนถูกทิ้งระเบิดใส่ อย่าทำลายชีวิตคนอื่นเลย ไม่สนุก

การระบาดของโควิด ระลอกใหม่ ทำให้กิจการบางอย่างต้องปิดให้บริการจากมาตรการของภาครัฐ และปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้หลายคนต้องเดือดร้อน โดยล่าสุด ปลา – อัจฉรา บุรารักษ์ หรือปลา ไอเบอรี่ ที่มีร้านอาหารในเครือทั้ง โรงสี กับข้าวกับปลา รสนิยม ทองสมิทธ์ มีมากกว่า 40 สาขาในไทย ก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่ออกมาฟีดแบ็กเรื่องดังกล่าว โดยว่า

Timeline ผิด ชีวิตเปลี่ยน”

วันนี้ขอระบายความในใจอะไรนิดนึงเกี่ยวกับ Timeline ของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อโควิด

เมื่อสองวันที่แล้วมีการประกาศว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด รายที่ 632 มาทานที่ ร้านโรงสี ลุมพินี (หลังสวน) ผู้ประกอบการอย่างเราก็ได้ตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก ทำการปิดร้าน และทำความสะอาดร้าน วันรุ่งขึ้นส่งพนักงานทั้งร้านไปตรวจหาเชื้อ เกือบ 50 ชีวิต แถมที่ออฟฟิศยังรับสายโทรศัพท์กันไม่หวาดไม่ไหว ลูกค้าที่มาใช้บริการในวันเดียวกันโทรเข้ามากันมากมายสายแทบไหม้กันเลยทีเดียว ถามว่านั่งตรงไหน มากี่โมง แต่ทางเราก็ไม่สามารถตอบลูกค้าได้ว่าใครคือคนที่ป่วยแล้วนั่งตรงไหน เพราะว่าเราติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ของศูนย์ประชาสัมพันธ์ก็ติดต่อไม่ได้เลย ก็ได้แต่ส่งพนักงานทั้งร้านไปตรวจให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป

Advertisement

วันต่อมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาที่สาขาโรงสี นางลิ้นจี่ (อีกสาขาหนึ่ง) ผู้จัดการร้านถึงกับตกใจว่ามาผิดสาขาหรือเปล่า

สรุปว่าเจ้าหน้าที่เข้ามาที่นางลิ้นจี่ ก็โทรศัพท์เช็กกันไปมา สรุปเค้าคอมเฟิร์มถูกต้องแล้ว แต่ว่า timeline ประกาศผิดสาขา แบบนี้ได้ด้วยเหรอคะ

สำหรับร้านอาหาร การมีชื่ออยู่บน timeline ว่ามีคนป่วยโควิดมาทานเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก เหมือนโดนทิ้งระเบิด แล้วก็เดินจากไป มันทำให้ลูกค้าหวาดผวา และหลีกเลี่ยงที่จะมาทานที่ร้านอีกอย่างน้อยก็เป็น 1-2 สัปดาห์ ธุรกิจของปลาเป็นเครือร้านอาหารที่อยู่ในห้างเป็นส่วนใหญ่ ลำพังที่จะดำเนินธุรกิจในช่วงนี้ให้ผ่านไปได้ก็ลำบากเต็มทน ทำไมยังต้องมารับมือกับเรื่องชุ่ยๆ ของการทำงานที่ผิดพลาดแบบนี้อีก มันส่งผลเสียหายรุนแรงมากๆ

Advertisement

ยังไม่พอ วันนี้ก็มีการประกาศ timeline ออกมาอีกครั้ง ผู้ป่วยรายที่ 660 แต่เอ๊ะ ก็ยังคงประกาศ โรงสี เขตปทุมวันอีกแล้วค่ะ (ลูกค้า รายนี้มาทานข้าวพร้อมกันกับคนก่อนที่โรงสี นางลิ้นจี่)

สรุปคือ ประกาศผิด ครั้งที่ 2 คุณพระ อะไรจะชุ่ยซ้ำแล้วซ้ำอีก (เปรียบเสมือนฆ่ากันให้ตายไปแล้วยังไม่พอ ขุดหลุมขึ้นมาฝังใหม่อีกรอบ) พระเจ้า ถ้าชุ่ยขนาดนี้ ช่วยไปทำงานอย่างอื่นดีกว่ามั้ยคะ อย่ามาทำลายชีวิตของคนอื่นแบบนี้เลย มันไม่สนุกนะคะ

ข้อเสนอแนะจากคนทำร้านอาหารอย่างเรา

1. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ใจก่อนที่จะมีประกาศออกไปแก่สาธารณะ

2. ควรแจ้งให้ทางร้านรับทราบ และเช็กกับทางร้านก่อนว่าบุคคลนี้มาใช้บริการจริงๆ หรือไม่ วันที่ระบุตรงรึเปล่า เพื่อที่เราจะได้ตรวจสอบกับกล้องวงจรปิดย้อนหลัง ให้ชัดเจนว่าข้อมูลนั้นถูกต้องและรู้แน่ชัดว่าลูกค้าคนดังกล่าวนั่งบริเวณไหนใครเป็นผู้ให้บริการบ้าง

3. น่าจะมีการให้ความรู้กับประชาชนว่า หากมีการทำความสะอาด และตรวจสุขภาพของพนักงานอย่างถูกต้องถูกวิธีแล้ว ร้านนี้ปลอดภัยและสามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ตามปกติ

(ปล. ผู้ป่วยทั้งสองรายที่กล่าวมาแล้ว มาทานที่สาขานางลิ้นจี่พร้อมกัน ห้องส่วนตัว ชั้น 2 ในวันที่ 16 มกราคม) ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 13 วัน

ทุกๆ วัน ตั้งแต่ต้นปี ทางเรามีมาตรการการทำความสะอาดร้านด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทุกบริเวณผิวสัมผัส วันละไม่ต่ำกว่า 4 รอบ หลังมื้ออาหารที่ลูกค้าทานเสร็จทุกครั้ง ในทุกๆ วัน มีการตรวจอุณหภูมิทั้งลูกค้าและพนักงานทุกคน

ปล. ในขณะนี้ พนักงานทุกคนในร้านสุขภาพเป็นปกติดีค่ะ

เขียนมาทั้งหมดยืดยาวนี้ รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะไม่เป็นผลดีเพราะว่าคนที่ไม่ทราบเรื่องว่ามีลูกค้าติดโควิดก็อาจจะทราบกันวันนี้

แต่ที่เรายอมเขียนเพราะเรารู้สึกว่า ความผิดพลาดของการประกาศ timeline ที่ผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก มันเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง ส่งผลความรู้สึกหวาดผวาของลูกค้า พนักงาน และผู้ประกอบการ ไม่อยากให้เค้าทำแบบนี้อีกในเคสต่อๆ ไป มันควรจะต้องได้รับการแก้ไข ผู้ประกอบการทุกๆ คน รับความผิดพลาดแบบนี้ไม่ไหว

เรื่องที่มันผิดแล้ว … มันกู้ยาก Timeline ต้องไม่ทำลาย
สุดท้าย ใครรู้จัก คุณเอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง ช่วยไปบอกนางที”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image