แพทย์แนะ ‘บิ๊กตู่’ รอฉีดแอสตร้าฯ ตามข้อกำหนดการแพทย์ ย้ำ วัคซีนฉีดตามความสมัครใจ

แพทย์แนะ ‘บิ๊กตู่’ รอฉีดแอสตร้าฯ ตามข้อกำหนดการแพทย์ ย้ำ วัคซีนฉีดตามความสมัครใจ

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อรายวันสะสมอยู่ที่ 300,000 – 400,000 คน เป็นอัตราที่ลดลงแต่ยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่ สำหรับสถานการณ์ในเอเชีย พบว่าที่ญี่ปุ่น เกาหลีเริ่มลดน้อยลงแต่ก็ยังคงตัวเลขหลักร้อยอยู่เช่นเคยจึงต้องระมัดระวังกันอยู่ต่อเนื่อง ขณะที่ สถานการณ์ในประเทศไทยเองก็สอดคล้องกับที่ ศบค.ประกาศมาตรการผ่อนคลาย และจากการติดตามสถานการณ์พบว่าประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติแต่ยังไม่ปกติเสีย และมีทีประชาชนโทรมาร้องเรียนว่าพบการรวมตัวกันจำนวนมาก เริ่มสวมหน้ากากอนามัยลดน้อยลง นี่คือสัญญาณเตือนด้วยความห่วงใย ขอเตือนประชาชนว่า ถึงแม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ยังไม่ใช่ว่สสถานการณ์กลับเข้าสู่ปกติ และถึงแม้จะมีความหวังเรื่องวัคซีนแต่การสวมหน้ากากอนามัยยังเป็นมาตรการสำคัญ ดังนั้น หากพบเห็นจุดไหนมีความเสี่ยงมีคนรวมตัวกันเยอะ ไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็ให้แจ้งสำนักงานสาธารณสุข หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านได้เพื่อจะได้ทำการตักเตือนและเฝ้าระวังต่อไป

นพ.โอภาส กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะให้ประชาชนเป็นกำลังใจให้คือจังสมุทรสาครวันนี้จํานวนผู้ติดเชื้อรายวันมีแนวโน้มค่อยๆ ลดลงเป็นที่น่าพอใจ แสดงว่ามาตรการคัดกรองเชิงรุก มาตรการควบคุมจำกัดการเดินทางโดยเฉพาะผู้ติดเชื้อในโรงงานให้สามารถใช้ชีวิต ประกอบอาชีพในโรงงานได้ แตาไม่ปะปนกับชุมชน ดูเหมือนจะได้ผลทำให้การติดเชื้อในชุมชนลดลง เข้าใจว่าเดือนมีนาคมนี้จะเริ่มมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังพื้นที่ที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวดต่อไป แล้วจะค่อยๆ ผ่อนคลายเป็นลำดับ โดยเฉพาะหลังจากที่มีการฉีดวัคซีน

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี จะฉีดวัคซีนหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้วัคซีนกระจายไปในโรงพยาบาล 32 แห่งใน 18 จังหวัดแล้ว บางแห่งตรวจรับแล้ว การฉีดวัคซีนมีความปลอดภัยซึ่งทั่วโลกฉีดไปมากกว่า 100 ล้านโดสแล้ว อย่างไรก็ตามเป็นการฉีดในสถานการณ์ฉุกเฉินและมีข้อแนะนำที่ต่างกัน เช่น วัคซีนซิโนแวค แนะนำให้ฉีดสำหรับคนอายุต่ำกว่า 60 ปี ท่านนายกฯ เองก็น่าเห็นใจ เพราะหากท่านไม่ฉีดประชาชนก็คิดว่าท่านกลัว หรือถ้าฉีดก็อาจจะคิดว่าไปแย่งประชาชน แต่ทั้งนี้ถือว่าท่านเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากมีอายุมากกว่า 60 ปีรวมถึงมีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อจากการลงพื้นที่ ดังนั้นตามหลักการแพทย์ท่านคือกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีน แต่ทั้งนี้ทางการแพทย์ยังไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนซิโนแวค ซึ่งหากจะฉีดวัคซีนจากแอสตร้าเซเนก้า ก็จะต้องรอประมาณ 2-3 สัปดาห์เพื่อให้ประเทศอังกฤษประกันคุณภาพการใช้วัคซีนล็อตดังกล่าวของแอสตร้าฯ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกก่อน

Advertisement

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความเสี่ยงจากการลงพื้นที่เช่นกันและสามารถฉีดได้ทั้ง 2 ชนิด แต่อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนขึ้นอยู่กับความสมัครใจไม่สามารถบังคับให้ใครฉีดได้ ดังนั้นต้องอยู่กับการตัดสินใจของท่าน

ด้าน นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสถานการณ์หลังมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ทั่วโลกตอนนี้ เชื่อว่าหลังฉีดวัคซีนแล้วจะใช้เวลาอีก 1 ปีถึงจะสามารถควบคุมการระบาดให้ลดลงได้ การระบาดของโรครอบนี้นับว่า เป็นประวัติศาสตร์ของโลกเลยที่สามารถผลิตวัคซีนออกมาต่อสู้กับโรคระบาดได้ภายในระยะเวลา 1 ปี สำหรับวัคซีนที่จะฉีดในไทยพรุ่งนี้ มะรืนนี้นั้น ตนค่อนข้างดีใจที่จะได้ฉีดแล้ว เพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันความรุนแรงของโรคได้ 78% แต่ป้องกันความป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลได้ 100% หากเกิดการติดเชื้อแต่ไม่ต้องการดูแลโดยแพทย์ลดลงถึง 50% จึงเชิญชวนประชาชนฉีดเพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง เมื่อฉีดจำนวนมากๆ ก็จะทำให้ประเทศไทยไม่มีโรคเกิดขึ้นดังนั้นจึงอยากเชิญชวนประชาชนให้ฉีดวัคซีนช่วยชาติ และขอให้มั่นใจในการฉีดวัคซีนมีความปลอดภัย

ทั้งนี้วัคซีนซิโนแวค เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่การศึกษาระยะที่ 1, 2, 3 ในคน มีการศึกษาในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 3% เท่านั้น ดังนั้นข้อมูลจริงๆ ตอนนี้จึงยังไม่รู้ว่าถ้าให้ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปแล้วผลในการป้องกันโรคจะเป็นอย่างไร อาการแทรกซ้อนเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม วัคซีนตัวนี้ไม่ถึงกับเป็นข้อห้าม เราคงต้องรอการศึกษาอีกสักระยะ เชื่อว่าอาจจะประมาณ 1-2 เดือน ก็จะมีข้อมูลมากขึ้นแล้วค่อยมาปรับเกณฑ์ทีหลังให้สามารถใช้ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไปได้เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นเหตุหนึ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีอายุเกิน 60 ปี ตามกฎเกณฑ์การปฏิบัติจริงๆ แล้วเราจึงต้องยึดตามนี้ก่อน นายกรัฐมนตรี ต้องฉีดแน่แต่ทันทีที่มีข้อมูลหรือมีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจนขึ้นมา เชื่อว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและคณะกรรมการต่างๆ คงจะกำหนดการฉีดวัคซีนให้ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีได้อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นถ้ามีวัคซีนที่เกิดอายุเกินกว่า 60 ปีขึ้นไปท่านนายกฯ ยินดีที่จะมาฉีดแน่นอน

นพ.ยง กล่าวว่า ส่วนที่ถามว่าจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ พร้อมกับ ได้หรือไม่ต้องขอชี้แจงว่าเนื่องจากวัคซีนโควิด 19 นั้นเป็นวัคซีนใหม่จึงไม่อยากให้มีการฉีดร่วมกันกับวัคซีนตัวอื่นอยากให้ห่างกัน 2 สัปดาห์ แต่หากมีความจำเป็นก็มีข้อยกเว้นให้สามารถฉีดวัคซีนต่อกันได้ เช่น หลังฉีดวัคซีนโควิดแล้วถูกสุนัขกัดซ้ำ ก็สามารถฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า และวัคซีนป้องกันบาดทะยักได้เลย ไม่ต้องรอ 2 สัปดาห์ ส่วนจะฉีดสลับยี่ห้อกันได้หรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่าขณะนี้ ทั่วโลกกำลังศึกษาอยู่คาดว่า 2-3 เดือนจะทราบ หากะบว่าสามารถฉีดได้ ก็ดำเนินการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image