สธ.ยันวัคซีนโควิด-19 ไทยไม่ล่าช้า เจ้าภาพโอลิมปิกประเดิมเข็มแรกสัปดาห์ก่อน

สธ.ยันวัคซีนโควิด-19 ไทยไม่ล่าช้า เจ้าภาพโอลิมปิกประเดิมเข็มแรกสัปดาห์ก่อน

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน รายงานสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ว่า วันนี้ประเทศไทย มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 42 ราย เป็นยอดต่ำที่สุดในรอบ 7 วันที่ผ่านมา โดยวันที่ 26 ก.พ. มีตัวเลขผู้ติดเชื้อ 45 ราย ส่วนวันอื่นๆ เฉลี่ย 70-90 ราย เป็นแนวโน้มทรงตัว ยังพบการติดเชื้อบ้างแต่ระบบสาธารณสุขยังรองรับได้ ทำให้ตัวเลขสะสม 26,073 ราย โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสมที่ 84 ราย ขณะที่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสม 114.9 ล้านราย เป็นรายใหม่ต่อวันเฉลี่ยต่ำกว่าเดือนก่อนและผู้เสียชีวิตสะสม 2.5 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 2.2 ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา ยังเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 29.31 ล้านราย เป็นรายใหม่ 53,000 ราย รองมาคือ อินเดีย บราซิล รัสเซียและอังกฤษ

“สำหรับประเทศไทยเป็นช่วงที่รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทยแล้ว ขณะที่ประเทศใหญ่ๆ อย่างญี่ปุ่น มีประชากรกว่า 126 ล้านคน เพิ่งเริ่มฉีดวัคซีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกด้วย เป็นการยืนยันว่าการได้วัคซีนของไทยไม่ได้ช้าเกินไป ถือว่าพอดี” นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 24 ของการระบาดรอบใหม่ เป็นชายไทย อายุ 92 ปี ภูมิลำเนาใน จ.ปทุมธานี มีโรคประจำตัวหลายโรคเช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจ เป็นปัจจัยด้วยอายุมากและมีโรคประจำตัวความเสี่ยงต่อการป่วยที่มีอาการรุนแรง ปกติผู้ป่วยจะอยู่แต่บ้าน แต่มีประวัติ เมื่อวันที่ 11 ก.พ. สัมผัสกับหลานที่ทำงานในตลาด จ.ปทุมธานี ภายหลังพบว่ามีการติดเชื้อ โดยผู้ป่วยอาศัยอยู่บ้านจนถึงวันที่ 15 ก.พ. และต่อมาในวันที่ 16 ก.พ. เริ่มป่วยด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก เข้ารักษาในโรงพยาบาล(รพ.)เอกชน จ.ปทุมธานี และมีผลตรวจพบเชื้อ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. เข้ารักษาที่รพ.ธรรมศาสตร์ ด้วยอาการหอบเหนื่อย รักษาต่อเนื่องจนถึงวันที่ 23 ก.พ. ผู้ป่วยอาการทรุดหนักลง จำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจเรื่อยมาถึงวันที่ 27 ก.พ. ผู้ป่วยมีภาวะช็อค ติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตในวันที่ 28 ก.พ.

“เป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ถึงความสำคัญของผู้สูงอายุในบ้าน การรักษาระยะห่าง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยให้มากที่สุด หากเราช่วยกันทุกจุด จะลดความเสี่ยงให้ลดลง นอกจากนั้นต้องปฏิบัติตัวให้เข้มข้นเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว” นพ.เฉวตสรร กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image