สมุทรสาครเปิดเดินรถโดยสารวันแรก ศบค. รับข้อเสนอใช้กองร้อย ตชด.ประจวบฯ กักตัวผู้ลักลอบเข้าเมือง
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) กล่าวว่า วันนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครรายงานว่า วันนี้มีการเปิดการเดินรถโดยสารวันแรก ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อในสมุทรสาครวันนี้เพิ่ม 9 ราย เป็นตัวเลขเล็กลงอย่างต่อเนื่อง เกิดจากทำงานหนักของทีมพื้นที่และความร่วมมือของประชาชน ผู้ประกอบการ สถานบริการ ห้างร้านต่างๆ ทำให้วันนี้สมุทรสาครเริ่มเปิดบ้านเปิดเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ โดยการติดเชื้อวงเล็กลงต่อเนื่อง กลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวเกือบทั้งจังหวัด การติดเชื้อขณะนี้กระจุกอยู่หลักๆ ที่ อ.เมือง เฉพาะบางตำบลเท่านั้น หมายความว่ายังมีการติดเชื้ออยู่แต่น้อยกว่า 1-2% ระบบสาธารณสุขในพื้นที่ป้องกัน ควบคุมได้
“วันนี้ที่มีการเปิดเดินรถแล้ว หมายความว่าพี่น้องชาวสมุทรสาคร สามารถเดินทางข้ามพื้นที่ได้ หรือแม้กระทั่งเราเองก็สามารถแวะไปที่สมุทรสาครได้ หากจำได้ คือก่อนหน้านี้มีมาตรการเข้ม ไม่ให้มีการแวะพักในจังหวัด แต่จากนี้ก็จะสามารถแวะพักได้” พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า การเปิดให้บริการเดินรถโดยสาร มีมาตรการเข้มงวดด้วยการสแกนแอพพลิเคชั่นไทยชนะ วัดอุณหภูมิร่างกาย บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ เช่น ห้องน้ำ ที่นั่งพักคอย ทั้งนี้ มีมาตรการจัดการพื้นที่เว้นระยะห่างอย่างเข้มงวด และพบว่าประชาชนในพื้นที่มากกว่า 90% ให้ความมือเป็นอย่างดี
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า สงครามนี้ยังไม่จบ แม้ว่าเราจะเข้มงวดเหนื่อยกันมานาน แต่เทศกาลสงกรานต์ที่จะเกิดขึ้น เรายังต้องอดทนกันต่อไปอีกระยะ เพราะเราไม่อยากเห็นสะเก็ดไฟแพร่จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการเดินทางข้ามพื้นที่ของประชาชน จึงอยากให้ชาวสมุทรสาครเป็นต้นแบบ ตัวอย่างที่ดี ที่มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ตามแผนแต่อยู่ในมาตรการป้องกันโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า การพบผู้ติดเชื้อในศูนย์กักกันสวนพลูและบางเขน ขณะนี้กระทรวงสาธารรสุข (สธ.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้เข้าไปควบคุมโรคอย่างเข้มข้น เพื่อให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไปชุมชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้รับการตรวจหาเชื้อ โดยสถานการณ์อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ ซึ่งวันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ขณะเดียวกันที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีจุดผ่านแดนช่องทางธรรมชาติมากถึง 50 จุดใน 8 อำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานว่า จังหวัดมีพื้นที่ติดกับเมียนมา 280 กิโลเมตร โดยช่วงวันที่ 3 มี.ค. มีผู้ผ่านแดนผิดกฎหมาย 33 ราย ซึ่งควบคุมตัวฝากขังที่เรือนจำประจวบคีรีขันธ์ พบว่าการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 1 ทุกรายให้ผลลบ แต่เมื่อนำมากักกันในสถานกักกัน พบว่าการตรวจครั้งที่ 2 พบผู้ติดเชื้อ 4 ราย จึงต้องระดมตรวจหาเชื้อเจ้าหน้าที่ ข้าราชการมากกว่า 70 ราย พร้อมเข้าสู่การกักกันโรคแล้ว
“ผู้ว่าฯประจวบฯ เสนอมาตรการต่อคณะกรรมการโรคติดต่อ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ คือ จะขอให้มีการจัดสถานกักกัน ในพื้นที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนเพื่อความปลอดภัย และดำเนินมาตรการกักตัว 14 วัน ขณะเดียวกัน บุคคลเหล่านี้คือผู้กระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องล้อมรั้วลวดหนามด้วย หลังจากนั้นก็จะส่งฟ้องตามกฎหมาย ดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศต่อไป” พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า เป็นการสะท้อนการทำงานของพื้นที่ ที่ช่วยกันคิดว่าจังหวัดมีความเสี่ยงอย่างไร และจะเสนอมาตรการใดเพื่อสกัดกั้น ให้พบการติดเชื้อได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ป้องกันการกระจายไปวงกว้างในชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องร่วมมือกัน