แห่แชร์ภาพสะเทือนใจ ‘กลุ่มพยาบาลร่ำไห้’ ถูกกักตัว เหตุผู้ป่วยปิดบังข้อมูล เตือนผู้โดยสารรถตู้ 2 สาย สังเกตอาการ

แห่แชร์ภาพสะเทือนใจ ‘กลุ่มพยาบาลร่ำไห้’ ถูกกักตัว เหตุผู้ป่วยปิดบังข้อมูล เตือนผู้โดยสารรถตู้ 2 สาย สังเกตอาการ

เมื่อวันที่ 26 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ระลอกเมษายน) ใน จ.นครศรีธรรมราช พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 24 ราย ติดเชื้อสะสม 239 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 226 ราย รักษาหายแล้ว 13 ราย เสียชีวิต 0 ราย โดยผู้ป่วยทั้งหมดได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว

ขณะที่ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รายงานความคืบหน้าของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายวัน ประจำวันที่ 26 เม.ย.64 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังได้รับการยืนยันผลตรวจจากทางห้องปฏิบัติการหาเชื้อโควิด-19 ทั้ง 7 แห่ง ในจังหวัด ประกอบด้วย รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช, รพ.ทุ่งสง, รพ.พิปูน, รพ.สิชล, รพ.พรหมคีรี, รพ.ร่อนพิบูลย์ และศูนย์อนามัยที่ 11

Advertisement

อย่างไรก็ตามได้เกิดภาพสะเทือนใจ เมื่อพยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช เดินเข้าแถวเรียงรายกว่า 10 คน ร่ำไห้ ถูกกักตัว หลังผู้ป่วยติดเชื้อปิดบังข้อมูล ทำให้เจ้าหน้าที่ที่จะต้องดูแลผู้ป่วยขาดแคลนลงเป็นจำนวนมาก

โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความ “กลุ่มพยาบาล ของ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เดินร่ำไห้ ปาดน้ำตา ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ารับการกักตัว ในสถานที่แห่งหนึ่งภายใน รพ.มหาราชฯ พร้อม จนท.กู้ภัยของมูลนิธิอีกหนึ่งคน”

เหตุเกิดจาก จนท.กู้ภัยคนดังกล่าว เดินทางไปรับผู้ป่วยรายหนึ่งที่บ้านพัก โดยไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลจริงให้ทราบ อ้างเพียงว่าป่วย ต้องการเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชฯ แต่หลังจากการสอบสวนของแพทย์ ปรากฏว่าผู้ป่วยคนนี้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง และมีไข้สูงมากว่า 3 วันแล้ว ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่อาจจะได้รับเชื้อโควิดมา ส่งผลให้กลุ่มพยาบาล และ จนท.กู้ภัยกลุ่มดังกล่าว ซึ่งใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้โดยไม่ทันได้ระมัดระวังตัว จะต้องถูกกักตัวในทันทีเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน จึงเกิดภาพเหตุการณ์สุดสะเทือนใจดังคลิป

ภายหลังภาพถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ มากมาย ส่วนใหญ่รู้สึกเห็นอกเห็นใจกลุ่มพยาบาล และ จนท.มูลนิธิ ที่ต้องมารับผลกระทบจากบุคคลที่ไม่ให้ความร่วมมือ ท่ามกลางการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด พร้อมให้กำลังใจ จนท.ทุกฝ่าย โดยเฉพาะพยาบาล และ จนท.กู้ภัยที่ต้องถูกกักตัว รวมไปถึงทีมแพทย์ที่ต้องสละเวลาความสุขความปลอดภัยในชีวิตมาอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ เพียงเพื่อต้องการรักษาให้หายจากโรค โดยขอให้ทุกคนปลอดภัย

นอกจากนี้ ชาวเน็ตจำนวนมากยังต่อว่าผู้ป่วยรายนี้ ที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลให้ จนท.ทราบ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะสิ่งเกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะบุคลากรที่มีความสำคัญยิ่งต่อการรักษาผู้ป่วย ที่ให้ความร่วมมือ จนท. ล่าสุดเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ รพ.พิปูน จนท.ถูกกักตัวเช่นกัน

ขณะที่ นพ.อารักษ์ วงษ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ได้โพสต์ข้อความ เบื้องหลังการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ ต้องใช้นักเทคนิคการแพทย์ ที่มีความชำนาญด้านการตรวจอณูชีววิทยา ที่ต้องมีการรายงานผลที่แม่นยำ ทันเวลา ต่อการควบคุมโรคและการรักษา รวมถึงการป้องกันไม่ให้มีการปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการ การไม่ให้เจ้าหน้าที่ต้องติดเชื้อ จะยิ่งบั่นทอนกำลังในการทำงาน

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่แทบไม่มีเวลานอน ต้องอาศัยพื้นที่หน้าห้องปูเสื่อพอได้งีบบ้าง รอบสุดท้ายจะเข้าเครื่องอ่านตอนตีสาม แล้วออกมาเคลียร์เอกสาร แปลผลรอบก่อนหน้านี้ เพื่อรายงานกรณีผลบวกไปก่อน เช้ามาก็มาอ่านรอบที่ลงเครื่องไว้ หมุนวนกันไปแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะคุมการระบาดได้

ในช่วงนี้มีการระบาดรุนแรง ทางโรงพยาบาลสิชล จึงได้เพิ่มกำลังการตรวจ อีกเท่าตัว โดยวางเครื่องสกัดและเครื่องอ่านผลอีก 1 ชุด ทำให้สามารถตรวจได้วันละ 800 ตัวอย่าง จะช่วยทำให้รายงานผลทันเวลา ภายใน 24 ชั่วโมง เป็นอีกมุมหนึ่งของบุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพื่อประชาชนคนไทย ทุกคนสามารถช่วยได้ ต้องหยุดปัจจัยเสี่ยงต่อการกระจายเชื้อ เพราะปัจจุบันไม่รู้ว่ารับเชื้อจากที่ไหนมีมากขึ้นเรื่อยๆ การตามรอยโรคจึงยากแก่การควบคุม #อ่อนล้าไปบ้าง แต่ไม่ท้อถอย

ขณะที่ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งสารแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้บริการรถตู้โดยสารประจำทาง สายภูเก็ต-นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 14 เม.ย.64 เที่ยวเวลา 10.00 น. ถึง หัวถนน จ.นครศรีธรรมราช เวลา 16.30 น. และสายนครศรีธรรมราช-หัวไทร ออกจากสถานีนครศรีธรรมราช เวลา 15.50 น. ถึง อ.หัวไทร เวลา 17.40 น. ให้สังเกตอาการตนเองในห้วง 14 วัน นับจากวันเดินทาง หากมีอาการน่าสงสัย ให้ไปรับการตรวจที่ รพ.ใกล้บ้านทันที พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำของ จนท.อย่างเคร่งครัด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image