‘เพื่อไทย’ บี้ รบ.ตรวจชุมชนแออัดเชิกรุก แนะ กทม.ตั้งหน่วยพิเศษเร่งแก้ปัญหาด่วน หวั่น ระบบการแพทย์ล้มเหลว หลังดึงตัวบุคลากรประจำรพ.ไปอยู่ รพ.สนาม
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค พท. แถลงภาพรวมการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์โควิด-19 ของพรรค พท.ในเขตกรุงเทพมหานคร และเร่งรัฐสืบหาข้อเท็จจริงผลข้างเคียงวัคซีนซิโนแวค ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของบุคลากรการแพทย์และประชาชน
น.ส.อรุณีกล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ในคลัสเตอร์คลองเตยเป็นอย่างมาก แม้ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ตรวจเชื้อไปแล้วหลักพันคน พบผู้ติดเชื้อในชุมชนแออัด 193 คน ซึ่งถือว่าอัตราการตรวจยังน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในชุมชนคลองเตยที่มีเกือบ 90,000 คน ซ้ำยังดำเนินการอย่างล่าช้า ทั้งที่ในสถานการณ์โรคระบาด รัฐควรต้องทำงานเชิงรุกและให้ทันการณ์มากกว่านี้ ต้องออกมาปกป้องดูแลประชาชนอย่างเร่งด่วนและทันท่วงทีกับการระบาด ก่อนที่เชื้อจะลุกลามไปพื้นที่อื่น เพราะประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนคลองเตยเป็นแรงงานที่ออกไปทำงานกระจายกันอยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร จึงมีความกังวลว่าอาจจะมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการอาจแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจได้ พรรค พท. จึงอยากเรียกร้องดังนี้ 1.รัฐบาลต้องเร่งสั่งการให้พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ระดมสรรพกำลัง ทำงานร่วมกับภาคเอกชน ฝ่ายวิชาการ อาสาสมัครต่างๆ เร่งตรวจหาเชื้อในคลัสเตอร์คลองเตย เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยง ออกจากประชาชนทั่วไปโดยเร่งด่วน
น.ส.อรุณีกล่าวว่า 2.กทม.ต้องตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาแก้ปัญหาการระบาดในพื้นที่ กทม.เพื่อให้ทำงานได้ตรงจุด และรวดเร็วมากขึ้น 3.นำเอาโมเดลคลัสเตอร์ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร กลับมาใช้อีกครั้ง ด้วยการจัดพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการกักตัวผู้ติดเชื้อและกลุ่มเฝ้าระวัง 4.รัฐควรพิจารณาหาแนวทางเยียวยาผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องกักตัวอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อย
น.ส.อรุณีกล่าวว่า ในส่วนของการบริหารจัดการทั้งประเทศ รัฐบาลควรนำแนวทางการทำงานของภาคเอกชน และภาคประชาชน ที่ให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ รวมทั้งเทคโนโลยีมาใช้ในการกำหนดและแสดงพิกัด เพื่อติดตามผลการช่วยเหลือและความต้องการของประชาชนได้ เพราะถือเป็นความสำเร็จของภาคประชาชนในการช่วยเหลือกัน ซึ่งรัฐบาลควรส่งเสริมและร่วมมือกันด้วย โดยต้องไม่ลืมวาระสำคัญคือการจัดเตรียมวัคซีนให้เพียงพอ ครอบคลุมและหลากหลาย รวมทั้งเตรียมการสำหรับเยียวยาความเสียหายของภาคธุรกิจที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวในช่วงที่ไม่สามารถดำเนินกิจการได้ ทั้งนี้ ในส่วนของการช่วยเหลือประชาชนของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ต่างๆ ได้มี ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ลงพื้นที่แจกจ่ายอาหาร ของใช้ที่จำเป็นและขาดแคลน รวมทั้งการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในบ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนด้วย โดยประชาชนสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยทุกแห่งทั่วประเทศ
ด้านนายวิชาญกล่าวว่า จากการที่ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. พรรค พท.ได้ลงพื้นที่ดูแลประชาชน และประสานงานกับภาครัฐ เราจึงอยากสะท้อนกลับไปถึงรัฐ และกรุงเทพมหานครให้รับทราบว่า 1.ในการตรวจผู้ติดเชื้อและการส่งต่อทับซ้อนกันไม่มีศูนย์กลางอย่างชัดเจน โดยภาพรวมทั้งประเทศอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ในระดับจังหวัด หรือ กทม.เป็นหน่วยการแพทย์ฉุกเฉินที่ดูและภาพรวม คือ หากตรวจพบเชื้อ ก็สามารถนำส่งตัวได้โดยตรง แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลเอกชน ที่ไม่ได้ขึ้นต่อ กทม. ก็ค่อนข้างเต็ม ซึ่งกลายเป็นปัญหา เช่น มีการตกหล่นอยู่ที่บ้าน 2.กรณีคนติดเชื้อมักจะไม่ค่อยเปิดเผยข้อมูลว่าตัวเองติดเชื้อ เราจึงอยากให้รัฐติดประกาศโดยใช้อำนาจ พ.ร.บ.ควบคุมโรค เพื่อให้คนในหมู่บ้าน หรือในชุมชนจะทราบข้อมูล และต้องทำความสะอาดฆ่าเชื้อในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ ควรแจ้งให้ผู้ใกล้ชิด หรือกลุ่มเสี่ยงกักตัวอย่างน้อย 14 วัน
3.วัดที่รับศพผู้ติดเชื้อไปเผาจะต้องมีความสามารถความรู้ และอุปกรณ์เครื่องมือในการฌาปนกิจ ซึ่งรัฐบาลควรจะเข้าไปดูและและช่วยเหลือ
นายวิชาญกล่าวว่า ขณะนี้เราห่วงบุคลากรทางการแพทย์ ที่ไปต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลสนามและศูนย์กักกัน เพราะได้รับแจ้งมาว่าบุคลากรทางการแพทย์ต่างๆ ถูกดึงตัวจากโรงพยาบาลประจำ นั่นหมายความว่าบุคลากรที่อยู่ในโรงพยาบาลประจำจะขาดแคน อาจส่งผลทำให้ระบบการแพทย์ไทยล้มเหลว ส่วนการลงทะเบียนหมอพร้อมออนไลน์เพื่อเข้าฉีดวัคซีน เราได้รับแจ้งว่าการลงทะเบียนออนไลน์ลำบาก และไม่แน่ใจว่าจะได้รับการตอบรับให้ฉีดวัคซีนหรือไม่
