ประธานภาค กทม.เพื่อไทย เสนอ 5 ทางแก้โควิด เตือนล่าช้า ไม่บูรณาการทำงาน เสี่ยงระบาดหนัก

ประธานภาค กทม.เพื่อไทย เสนอ 5 ทางแก้โควิด เตือน ถ้า รบ.-กทม. ล่าช้า ไม่บูรณาการทำงาน เสี่ยงระบาดหนัก

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ขณะนี้บุคลากรของพรรค พท. ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง พบปัญหาและช่องโหว่ในการบริหารจัดการสถานการณ์ของรัฐบาลและ กทม.อยู่มาก โดยขณะนี้ตามชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ กทม. มีการพบผู้ติดเชื้อแล้ว แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องการตรวจเชื้อ และการรักษาพยาบาล หลายพื้นที่มีผู้ป่วยตกค้างและผู้ที่ต้องกักตัวอยู่เป็นจำนวนมาก และอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ซ้ำรอยคลองเตยได้ตลอดเวลา จนดูเหมือนว่ากรุงเทพฯ กำลังกลายเป็นพื้นที่ที่อมโรคอยู่ ล่าสุดได้รับแจ้งว่าในพื้นที่ดอนเมือง และบริเวณเคหะทุ่งสองห้องก็พบผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ต้องกักตัวอยู่จำนวนมาก ซึ่งภาครัฐควรเร่งเข้าไปดูแลประชาชน ตรวจเชื้อและคัดแยกกลุ่มเสี่ยง และผู้ติดเชื้อออกจากประชาชนทั่วไป เพื่อป้องกันการระบาดโดยด่วน

นายวิชาญกล่าวว่า สถานการณ์ใน กทม.ขณะนี้น่าเป็นห่วงอย่างมาก ดังนั้นภาครัฐ และ กทม.จะต้องแก้ปัญหา โดย 1.ต้องบูรณาการการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง หาผู้รับผิดชอบให้ชัดเจนในแต่ละส่วนงานที่ทำ โดยเฉพาะขั้นตอนการรับส่งและตรวจวินิจฉัยกลุ่มเสี่ยงทั้งระบบ ซึ่งขณะนี้เป็นปัญหาทับซ้อนอยู่ จนไม่สามารถหาผู้รับผิดชอบได้ 2.ต้องเร่งแยกกลุ่มเสี่ยงและผู้ติดเชื้อออกจากประชาชนและชุมชน เพราะขณะนี้ยังพบว่าตกค้างอยู่ตามชุมชนต่างๆ จำนวนมาก 3.เร่งการคัดกรองผู้ติดเชื้อในชุมชนใหญ่ๆ เพราะที่ผ่านมามีบทเรียนแล้วจากปัญหาการระบาดที่ชุมชนคลองเตยที่ดำเนินการล่าช้าจนเกิดการระบาด และกลายเป็นปัญหาใหญ่ รวมทั้งเร่งรับตัวผู้ติดเชื้อไปรักษาเพื่อแยกออกจากชุมชน พร้อมทั้งดำเนินการฉีดพ่นฆ่าเชื้อทำความสะอาดในชุมชนทันที

4.ต้องเปิดใจกว้างให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการนำส่งผู้ติดเชื้อ ซึ่งภาครัฐอาจอยู่ในฐานะของผู้สนับสนุนในด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็น ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. ควรพิจารณานำงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สปสช.มาใช้ในส่วนนี้ รวมถึงประสานและสนับสนุนการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ที่มีอยู่ทุกพื้นที่ให้มากกว่านี้ และ 5.ควรประสานงานกับคลินิกอบอุ่น (คลินิกหลักประกันสุขภาพ 30 บาท) ซึ่งขึ้นทะเบียนกับ สปสช.ที่มีอยู่เกือบ 200 แห่งทั่วกรุงเทพฯ รวมไปถึงศูนย์สาธารณสุข กทม. ให้เป็นสถานที่สำหรับตรวจเชื้อและฉีดวัคซีน เพราะคลินิกเหล่านี้มีรายชื่อประชาชนที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว เพื่อการแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และลดการกระจุกตัวที่โรงพยาบาล

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image