ศบค.ให้แบงก์เปิดในห้างได้ ห่วงเด็กติดโควิดพุ่ง 1.8 หมื่น

ศบค.ให้แบงก์เปิดในห้างได้ ห่วงเด็กติดโควิดพุ่ง 1.8 หมื่น

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่าที่ประชุม ศบค. ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้แสดงแบบจำลองมาตรการป้องกันโควิด-19 หากไม่มีการใช้มาตรการใดๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะขึ้นไปอยู่ที่ 6-7 หมื่นรายในช่วงเดือนกันยายน แต่หากมีมาตรการล็อกดาวน์ เวิร์กฟรอมโฮม ปิดกิจการที่เสี่ยงเหมือนที่ใช้ในปัจจุบันจะลดการระบาดได้ประมาณ 20% หากใช้มาตรการนี้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม กราฟผู้ติดเชื้อจะนิ่งไปถึงปลายเดือนสิงหาคม และจะค่อยๆ สูงขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน แต่ถ้ามาตรการเข้มขึ้นไปได้เป็น 25% จะเห็นภาพการกดตัวเลขลงในปลายเดือนกันยายน ขณะที่แบบจำลองผู้เสียชีวิตก็จะเป็นไปในลักษณะคล้ายกัน

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น กิจการจำเป็นในห้างสรรพสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้ม โดยให้ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการร้านอาหาร เครื่องดื่ม เฉพาะรูปแบบดิลิเวอรี ร้านขายยา ซุปเปอร์มาร์เก็ต ธนาคารและสถาบันการเงินได้ไม่เกินเวลา 20.00 น.

ขณะที่ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 แถลงข่าวแบบออนไลน์ ในประเด็น “รายงานข้อมูลแนวโน้มสถานการณ์และการช่วยเหลือครอบคลุมทุกปัญหาเร่งด่วน” โดย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ช่วงหลังของการระบาดพบเด็กติดเชื้อค่อนข้างมาก เพราะมีผู้ป่วยมากขึ้น เป็นการติดเชื้อในครอบครัว แต่จากข้อมูลสัปดาห์ล่าสุดวันที่ 4-11 สิงหาคม ผู้ป่วยเด็กเพิ่มขึ้นเป็น 18,000 กว่าราย คิดเป็น 2-3 พันรายต่อวัน เด็กเสียชีวิตสะสม 10 กว่าราย ส่วนใหญ่เด็กอายุมากขึ้นก็มีโอกาสติดมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสพบคนมากขึ้น และเวลาเด็กป่วยก็จะมีพ่อแม่ป่วยด้วย ดังนั้น มาตรการที่ปิดโรงเรียนถือว่าถูกต้องแล้ว เพราะถ้าเด็กไปเรียนก็จะกลับมาติดที่บ้าน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image