‘ณพลเดช’ ยื่นหนังสือถึง ‘ปูติน’ ขอ ‘วัคซีนสปุตนิก’ หวังช่วย ปชช. พ้นภัยโควิด
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ส.ค. 2564 ที่สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางปรับปรุงระบบราชการเพื่อปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นหนังสือในนามนายกสมาคมการบินนภารักษ์ ถึง ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ผ่านเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เพื่อขอสนับสนุนการรับบริจาควัคซีนชนิด สปุตนิก วี (Sputnik V) และ สปุตนิก ไลท์ (Sputnik Light) จากรัฐบาลรัสเซียให้แก่ประเทศไทย
ดร.ณพลเดช กล่าวว่า จากที่ตนทราบมาว่ารัสเซียได้บริจาควัคซีนสปุตนิก วี ให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งตนเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับรัสเซียมีความสัมพันธ์อันดีมาเป็นเวลานาน ครั้งตั้งแต่ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระองค์ได้เสด็จเยือนจักรวรรดิรัสเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3-10 กรกฎาคม เมื่อปี ค.ศ. 1897 ทั้งนี้ได้รับพระเกียรติจากพระจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียในการให้การต้อนรับเป็นอย่างดีจนเป็นที่รู้กันไปยังทั่วโลก ซึ่งพระประมุขของสองประเทศได้ทรงพบกันที่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แม้เวลาผ่านมากว่า 124 ปีล่วงมาแล้ว รัสเซียและประเทศไทยยังคงมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดอันอบอุ่นตลอดมา
“เห็นว่าโอกาสนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤตที่ขาดแคลนวัคซีน ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน และบางส่วนต้องเสียชีวิตจากเหตุที่ไม่ได้รับวัคซีน จากที่ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในประเด็นการขาดวัคซีนก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นหนังสือถือประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ตนต้องยอมรับว่าความเป็นมิตรไมตรีระหว่างประเทศทำให้ไทยก็ได้รับบริจาคจากประเทศจีนเช่นกัน ภายหลังตนก็ได้นำ “ซิโนฟาร์ม” ที่นำเข้าโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำมาฉีดให้กับคนรอบข้างมาแล้ว” ดร.ณพลเดช ระบุ
ดร.ณพลเดช ระบุว่า กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เห็นว่าความต้องการที่จะเปิดประเทศของรัฐบาลที่เหลือเวลาไม่ถึง 50 วันนี้ หนึ่งในนั้นมีการยอมรับผู้ที่ได้รับวัคซีนสปุตนิกสามารถเดินทางเข้าไทยได้ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การขอ อย. ในไทยไม่น่าจะทำให้เกิดความซับซ้อน ซึ่งหลังจากที่ตนได้ยื่นหนังสือขอวัคซีนให้กับสถานทูตรัสเซีย ตนได้โทรศัพท์ถามเจ้าหน้าที่จากสถานทูตว่าเป็นไปได้ไหมในการบริจาควัคซีนซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตอบชัดเจนว่า “เป็นไปได้”
ทั้งนี้ ดร.ณพลเดช เผย เห็นว่าหากรัสเซียบริจาคให้ไทยได้ก็อาจดำเนินการซื้อขายเสรีผ่านเอกชนได้ในภายหลัง ซึ่งกระบวนการก็จะง่ายขึ้นมาก ขณะเดียวกันหากภายหลังรัสเซียได้บริจาคให้ไทยแล้วแต่ยังติดปัญหาการนำเข้าหรือความล่าช้าในการขอ อย. อีก ก็จะเสนอให้ทาง กมธ. ให้หน่วยงานมาชี้แจง เพราะความเป็นตายของประชาชนไม่ควรนำการเมืองมาขวาง เพราะ “การล่าช้าของการนำเข้าวัคซีน นั่นหมายถึงชีวิตของประชาชน”