ตัวเลขโควิดลดจริง สธ.ชี้อย่าชะล่าใจ คงมาตรการป้องกันตัวสูงสุด งดวงข้าว-หมูกระทะ

ตัวเลขโควิดลดจริง สธ.ชี้อย่าชะล่าใจ คงมาตรการป้องกันตัวสูงสุด งดวงข้าว-หมูกระทะ

เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตรสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงรายงานการคาดการณ์สถานการณ์โรคโควิด-19 ในเดือนตุลาคม และการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย.64 ฉีดวัคซีนได้ 676,669 โดส เป็นระดับสูงต่อเนื่อง และเป็นช่วงที่จะมีวัคซีนเข้ามาอีก ทำให้การครอบคลุมวัคซีนเพิ่มขึ้น ภาพรวมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-13 ก.ย.2564 ฉีดสะสม 40,953,025โดส โดยเป็น เข็มที่ 1จำนวน 27,540,743 ราย คิดเป็น 38.2% ส่วนเข็มที่ 2 จำนวน 12,795,707 ราย คิดเป็น 17.8%

ทั้งนี้ จำแนกตามกลุ่ม พบว่า กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 687,984 คน คิดเป็น 68.8% ส่วนกลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ฉีดจำนวน 3,218,607 คน คิดเป็น 50.7% ประชาชนทั่วไปฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 15,884,959 คน คิดเป็น 55.5% ส่วนผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเข็มที่ 1 ฉีด 5,692,528 คน คิดเป็น 52.2% และหญิงตั้งครรภ์จำนวนยังน้อยฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 56,642 คน คิดเป็น 11.3% ซึ่งกำลังเร่งรัดกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ให้มีการฉีดมากขึ้น

นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงความครอบคลุมจำแนกตามจังหวัดและการได้รับวัคซีนตามเป้าหมาย ว่า ผลดำเนินการถึงวันที่ 13 ก.ย. พบว่า ความครอบคลุมประชากรทั้งหมดมากกว่า 50% มีกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และภูเก็ต ส่วนที่ครอบคลุมประชากร 40-49% คือ นนทบุรี ยะลา พระนครศรีอยุธยา เพชบุรี พังงา ระนอง ส่วนความครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 70% มีกรุงเทพฯ ปทุมธานี ภูเก็ต และระนอง ส่วนกลุ่มที่ครอบคลุมผู้สูงอายุ 50-69% มีสมุทรสาคร สมุทรปราการ สงขลา ยะลา พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พังงา สุราษฎร์ธานี ตรัง และพัทลุง ทั้งนี้ ข้อมูลการฉีดวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน ไทยเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย ซึ่งฉีดไป 116 ล้านโดส ไทยเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 40 ล้านโดส

ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลก นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ปัจจุบันติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 5-6 แสนราย แต่วันนี้แกว่งตัวลงอยู่ที่ 397,186 ราย สะสม 225,992,281 ราย ส่วนเสียชีวิตวันนี้ 6,474 ราย เสียชีวิตสะสม 4,651,361 ราย ขณะที่ประเทศไทยวันนี้ติดเชื้อ 11,786 ราย ซึ่งตัวเลขลดลงต่อเนื่อง ทำให้คลายกังวลได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนการเสียชีวิตวันนี้ 136 คน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ป่วยวันนี้มาจากการค้นหาเชิงรุก 10% คือ 1,165 ราย

Advertisement

“แต่ต้องย้ำว่า การลดลงของจำนวนเหล่านี้ ในการคาดประมาณของกรมควบคุมโรคยังต้องระวัง เพราะหลังจากมีการปรับมาตรการ เปิดกิจการ กิจกรรมบางส่วน ช่วงนี้จะทำให้เจอผู้คน มีการสัมผัสต่างๆ มีโอกาสการแพร่โรคแบบไม่รู้ตัว เดือน ต.ค. ก็อาจมีตัวเลขผงกหัวกลับมาได้ แต่จะเกิดหรือไม่ก็อยู่ที่ความระมัดระวังของพวกเรา” นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ประเทศไทยจำนวนปอดอักเสบที่รายงานวันนี้อยู่ที่ 4,080 ราย ซึ่งเมื่อดู 7 วันย้อนหลัง (7-13 ก.ย.64) ลดลงจาก 4,387 ราย ค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ แนวโน้มเหมือนกันใส่ท่อช่วยหายใจวันนี้ 818 ราย ซึ่งลดมาจาก 7 วันที่ผ่านมา จาก 960 รายลดลงมาเรื่อยๆ ถือเป็นสัญญาณที่ดี สิ่งนี้เกิดมาจากความร่วมมือร่วมใจในเรื่องการล็อกดาวน์ เพราะทำให้ลดการสัมผัส ลดการเดินทาง พบเจอกันโดยไม่จำเป็น ดังนั้น หากพิจารณาจำนวนผู้ติดเชื้ออาการหนักหรือปอดอักเสบ แนวโน้มภาพรวมรายจังหวัดก็ลดลงเช่นกัน แต่ในส่วนภาคใต้ 4 จังหวัด อาจไม่ชัดเจน มีการแกว่งตัวอยู่บ้าน ส่วน จ.ปทุมธานีก็เช่นกัน ยังไม่เห็นการลดลงชัดเจน อยู่ในระดับ 119-130 ราย จึงเป็นพื้นที่ที่ต้องให้ความสำคัญในการติดตาม ขณะที่การใส่ท่อช่วยหายใจภาพรวมลดลง แต่ภาคใต้ 4 จังหวัด ยังไม่ปรากฏชัด อยู่ระหว่าง 43-44 ราย และ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี กราฟยังสีแดง ส่วนที่อื่นเป็นสีเขียวแล้ว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มการเสียชีวิต ตัวเลขเมื่อวันที่ 8 ก.ย.จำนวน 228 ราย แต่ตัวเลขค่อยๆลดลง วันนี้ (14 ก.ย.64) 136 ราย ส่วนภาพรวมจังหวัดต่างๆ เป็นสีเขียว ไม่มีพื้นที่ใดอาจต้องโฟกัสเป็นพิเศษ แต่บุคลากรให้ความสำคัญทุกราย เพราะไม่ได้ต้องการให้มีการเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ขณะที่ภาพรวมการเสียชีวิตวันนี้ 136 ราย ยังพบอายุ 60 ปีขึ้นไป 71% อายุน้อยกว่า 60 ปี อยู่ที่ 21% รวมเป็น 92% นอกนั้นไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 8% พบว่าเป็นชาย 78 ราย หญิง 58 ราย ปัจจัยเสี่ยง มีโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วน ยังคงเหมือนเดิม

Advertisement

“จากการติดตามสถานการณ์ จุดสูงสุดประมาณกลางเดือน ส.ค. แนวโน้มยังลดลงต่อเนื่อง แต่ให้ระมัดระวัง เพราะจากการคาดประมาณการณ์หลังจากประชาชนผ่อนคลายมาตรการเปิดกิจกรรมต่างๆ อาจสัมผัสเชื้อได้ ซึ่งข้อเท็จจริงก็เจอกลุ่มก้อนเล็กๆ อย่างการรับประทานหมูกระทะ วงอาหารที่รับประทานอาหารร่วมกัน ดังนั้น อย่าเพิ่งวางใจเรื่องเหล่านี้” นพ.เฉวตสรร กล่าว

เมื่อถามว่า มีปัจจัยอะไรที่อาจเห็นตัวเลขเดือน ต.ค.ขึ้นมาอีก นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า จากการเจอผู้ป่วยและมีการสอบสวนโรคก็ไม่ชัดเจนว่าติดจากไหน แต่ก็อาจมาจากกลุ่มคนใกล้ชิด ดังนั้น มาตรการป้องกันโรคครอบจักรวาล หรือ Universal Prevention ต้องเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ช่วงล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้ทำให้ห่างไกลกัน เมื่อมีการผ่อนคลายก็อยากไปพบเจอ จึงขออย่าเพิ่งทำ เพราะหลายประเทศก็ยังพบการติดเชื้อ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image