‘ชลบุรี’ พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 3 วันต่อเนื่อง ศบค.ยอมรับ ห่วงคลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับบาร์สุด

‘ชลบุรี’ ติดเชื้อสูงสุดเป็นที่ 1 ต่อเนื่อง 3 วัน ‘ศบค.’ รับห่วงคลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับบาร์สุด

เมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การติดเชื้อในประเทศ 10 ลำดับแรก ได้แก่ 1.ชลบุรี จำนวน 529 ราย ซึ่งชลบุรีมีการรายงานพบผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับแรกติดต่อกัน 3 วันแล้ว 2.กรุงเทพฯ 408 ราย โดยพบว่าแม้ก่อนหน้านี้กรุงเทพฯจะมีอัตราการติดเชื้อลดลง แต่จากช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นต้นมาก็มีอัตราการติดเชื้อสูงขึ้นอีก 3.อุบลราชธานี 315 ราย การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการทำกิจกรรมกันในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 4.สมุทรปราการ 259 ราย ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นรายงานผู้ที่เดินทางมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

พญ.สุมณีกล่าวว่า 5.ขอนแก่น 164 ราย 6.ภูเก็ต 138 ราย 7.เชียงใหม่ 135 ราย 8.นครศรีธรรมราช 91 ราย 9.พัทลุง 87 ราย และ 10.นนทบุรี 78 ราย ส่วนจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด ได้แก่ นราธิวาส และอำนาจเจริญ โดยพบว่าจังหวัดที่ติดเชื้อใน 1-7 อันดับแรก เป็นจังหวัดที่มีผู้เดินทางไปเป็นจำนวนมาก และมีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมในช่วงวันหยุดยาว จึงทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้น

พญ.สุมณีกล่าวด้วยว่า คลัสเตอร์แรกที่พบการแพร่ระบาดคือแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คลัสเตอร์โรงงานสถานประกอบการ ในขอนแก่น ร้อยเอ็ด และมุกดาหาร คลัสเตอร์พิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งพบทั้งในพิธีงานแต่ง ที่หนองคาย และชัยภูมิ รวมถึงงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ที่ปราจีนบุรี ส่วนคลัสเตอร์โรงเรียนและสถานศึกษา พบที่กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และลพบุรี นอกจากนี้ สถานที่ที่พบการติดเชื้ออย่างต่อเนื่องคือตลาดสดในหลายจังหวัด ได้แก่ ระยอง ขอนแก่น กรุงเทพฯ ปราจีนบุรี ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และปทุมธานี

“คลัสเตอร์ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขและที่ประชุม ศบค.มีความเป็นห่วงอย่างมากคือ คลัสเตอร์ในร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีลักษณะกึ่งผับบาร์ ซึ่งพบหลักๆ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แถวย่านนิมมานและในเมือง พะเยา ขอนแก่น ชลบุรี ร้านเหล้าในมหาสารคาม สถานบันเทิงในอุดรธานี โดยร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งถือว่าเป็นสถานบันเทิง มีรายงานเกิดคลัสเตอร์ร้านอาหารเข้ามามากขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่” แพทย์หญิงสุมณี กล่าว

Advertisement

แพทย์หญิงสุมณี กล่าวว่า จากการรายงานการสอบสวนโรค พบว่า เป็นการติดเชื้อภายในร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งถือว่าเป็นสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืน และเปิดให้บริการก่อนได้รับอนุญาต และมีจำนวนหลายรายที่ไม่ได้เปิดช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่มีการฝ่าฝืนเปิดให้บริการมาตั้งแต่ก่อนสิ้นปี หรือช่วงกลางเดือนธันวาคม 2564 โดยไม่มีมาตรการดูแลอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง บรรยากาศในร้านมีลักษณะปิดทึบ อากาศไม่สามารถระบายหมุนเวียนได้ ไม่มีการเว้นระยะห่าง พนักงานไม่สวมหน้ากาก รวมถึงมีการส่งเสริมการขาสุรา และไม่มีการจำกัดจำนวนคนเข้ารับบริการ โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคระบุว่าหากเกิดการติดเชื้อในสถานประกอบการลักษณะดังกล่าว แลพมีการแพร่ระบาดเป็นจำนวนมาก ก็มีโอกาสเป็นต้นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ต่อไปในระดับชุมชน และครอบครัวได้ ซึ่งจะคล้ายกับการระบาดในระลอก 3 ที่พบต้นตอจากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ

แพทย์หญิงสุมณี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ และหลังปีใหม่เป็นต้นมา สถานการณ์ยังคงไว้วางใจเรื่องการแพร่ระบาดโควิดไม่ได้ เนื่องจากมีผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอยู่หลักล้านคน จึงกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับการติดเชื้อ โดยหากคาดการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ ในช่วงหลังจากเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมีแนวโน้มในอัตราที่สูงขึ้น ซึ่งหน่วยงานองค์กรต้องเคร่งครัดเรื่องมาตรการความปลอดภัย โดยเฉพาะมาตรการสำคัญในสัปดาห์นี้ หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ พบว่ามีผู้เดินทางกลับจากต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก จึงขอความร่วมมือให้มีการตรวจเอทีเค ก่อนเข้าทำงาน โดยเฉพาะประชาชนที่เดินทางกลับจังหวัดกลุ่มเสี่ยง อาทิ ชลบุรี เชียงใหม่ อุบลราชธานี ขอนแก่น มหาสารคามอุดรธานี ยโสธร ภูเก็ต ยะลา รวมถึงอยากให้ทำงานที่บ้านเป็นหลักให้ได้มากที่สุด และต้องติดตามอาการของตัวเอง หลังจากช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ว่า มีอาการทางระบบทางเดินหายใจหรือไม่ หากมีอาการไข้ ไอ ปวดเมื่อย เจ็บคอ หรือสงสัยให้รีบตรวจคัดกรองผ่านเอทีเคซ้ำทันที โดยหากทราบว่าตัวเองมีผลการตรวจหาเชื้อเป็นบวก ให้โทรไปที่สายด่วน 1330 ของสปสช. แยกตัวเองออกจากผู้อื่น และในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน รวมไปถึงเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก ขณะที่สถานศึกษาพบว่า มีหลายโรงเรียนที่ติดเชื้อ และปิดการเรียนการสอนไป ทำให้ต้องมีการเรียนออนไลน์ ซึ่งทางศบค.เห็นใจผู้ปกครอง ด้วยหลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้มีการขอให้ทางจังหวัดหรือพื้นที่ พิจารณาปิดหรือเปิดโรงเรียนตามความเหมาะสม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image