วันที่ 21 มี.ค.พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า ศอ.บต.เป็นศูนย์ประสานงานการบริหารจัดการและแก้ปัญหาผลกระทบโรค COVID-19 ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีมาตรการเสริมการเฝ้าระวังและป้องกันแก้ไขปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอยืนยันว่าผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 ในพื้นที่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มกำลัง
“ศอ.บต.ทำหน้าที่ในการเติมเต็มช่องว่างและเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน สิ่งที่ห่วงใยคือมิติทางศาสนาที่จำเป็นต้องทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะโอกาสการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างมากเมื่อเกิดการรวมกลุ่มและการเคลื่อนที่ ซึ่งเห็นได้จากการที่คนไทย 132 คนไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่กัวลาลัมเปอร์ มีบางส่วนที่สาธารณสุขได้ยืนยันไปแล้วมีอาการติดเชื้อ”
พลเรือตรีสมเกียรติเปิดเผยว่า มิติของภาคใต้ ได้มีการหารือและขอความร่วมมือ ในส่วนของการละหมาด ต้องมีการเตรียมการของ เจลล้างมือหรือสบู่ที่พร้อมใช้งาน มีการอาบน้ำละหมาดมาจากบ้าน งดการใช้น้ำร่วมกันและทำความสะอาดพรมละหมาดด้วยการซักล้างให้สะอาด หรืองดการใช้พรมไปก่อน เนื่องจากพรมเป็นที่สะสมของเชื้อโรค งดการสลามด้วยมือแต่ให้ยกมือสลามแทน ตามคำแนะนำของผู้นำศาสนา
พลเรือตรีสมเกียรติเปิดเผยว่า การเดินเผยแผ่ศาสนาหรือดะวะฮ์ หรือเคลื่อนที่ไปตามที่ต่างๆ ได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ทางศาสนา ขอให้งดหรือเลื่อนไว้ก่อนสักระยะหนึ่ง โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เผยแผ่ทางศาสนาจังหวัดยะลาเป็นอย่างดี
“สถาบันปอเนาะที่มีมากว่า 400 แห่ง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับความร่วมมือจากนายกสมาคมสถาบันปอเนาะ ในการขอให้มีการละหมาดภายในและงดการละหมาดภายนอกสถานที่เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ”
พลเรือตรีสมเกียรติเปิดเผยว่า จากมาตรการการปิดประเทศของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้คนไทยจำนวนมากทยอยกลับเข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มต้มยำกุ้งที่มีไม่น้อยกว่า 6,000 แห่ง ทยอยกลับประเทศผ่าน 9 ด่านพรมแดนช่องทางหลัก กลุ่มนี้เมื่อเข้าประเทศจะต้องได้รับการดูแลผ่านการตรวจทุกช่องทางอย่างเข้มงวด
“ที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มคนที่กลับเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ หากมีการหลุดรอดจะต้องมีการเดินทางเข้าหมู่บ้านเพื่อทำงานตรวจทันที ทั้งหมดเป็นมาตรการทั่วไปภายใต้ศูนย์ประสานงานการบริหารจัดการและแก้ปัญหาผลกระทบโรค COVID-19 ในจังหวัดชายแดนภาคใต้”
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
