“นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย” เสนอ รบ. ตั้ง คณะกรรมการเวชภัณฑ์แห่งชาติ และกองทุนเครื่องมือแพทย์แห่งชาติ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ศูนย์ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 พรรค พท. นำโดย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ประธานศูนย์ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 พรรค พท. และนายปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย ชวนคุยออนไลน์ “ช่วยคิด ทางออก วิกฤตอุปกรณ์ยืดชีวิต สู้โควิด-19”
โดยนายปรีชากล่าว่า สำหรับเรื่องหน้ากากต้องบอกพี่น้องประชาชนว่า หน้ากากที่เหมาะสมกับประชาชนที่ปกติคือหน้ากากผ้า ส่วนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ขอให้เก็บไว้ให้บุคลากรทางการแพทย์ เพราะอาจจะต้องมีการระดมบุคลากรทางการแพทย์มาทำงานมากขึ้น สำหรับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เราตกลงกันไว้กับทางราชการ คือเราจะผลิตให้ได้ 1.2 ล้านชิ้นต่อ 1 วัน แต่เราผลิตเพิ่มเป็น 1.8 ล้านชิ้นต่อวัน นอกจากนี้ กลุ่มซีพีกำลังตั้งโรงงานซึ่งจะมีกำลังการผลิต 3 ล้านชิ้นต่อเดือน เท่ากับเราจะมีหน้ากากเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 1 แสนชิ้น และมีโรงงานอื่นที่จะตั้งขึ้นมาผลิตหน้ากากอนามัยอีก ดังนั้น ระยะเวลาจากนี้ไป 1-2 เดือน กำลังการผลิตเราจะเพิ่มขึ้น ตรงนี้หากประชาชนให้ความร่วมมือ เราเก็บหน้ากากไว้ให้บุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยก่อน เพราะเราต้องช่วยกันรักษาทรัพยากรทางการแพทย์ที่ทรงคุณค่าก่อน
นายปรีชากล่าวว่า สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่บุคลากรทางการแพทย์ที่จะเข้าไปดูแลผู้ป่วยนั้น จะต้องมีชุด และอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันตัวซึ่งต้องเรียนเลยว่า อุปกรณ์ดังกล่าวเราไม่ได้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ บางที่ได้รับการจัดสรรมากเกินไป บางที่ก็ขาด ก็ต้องบอกว่า ขณะนี้เราขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะชุดป้องกัน ซึ่งเราได้เสนอว่าขอให้นำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน ต่อมาคือ เครื่องช่วยหายใจ วันนี้ในประเทศไทยหน่วยงานต่างๆทำงานในลักษณะต่างคนต่างทำงานทำให้เราไม่รู้ว่าขณะนี้เรามีอุปกรณ์อยู่เท่าไหร่ อยู่ที่ใด และต้องการเพิ่มเท่าใดบ้าง ตนอยากให้มีการตั้งคณะกรรมการเวชภัณฑ์แห่งชาติขึ้นมา เพื่อทำงานแบบบูรณาการได้ในช่วงภาวะวิกฤต อย่างไรก็ตาม วันนี้แต่ละโรงพยาบาลตั้งบัญชีขึ้นมาให้ประชาชนช่วยบริจาคเพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ ซึ่งตนขออนุโมทนากับผู้บริจาค แต่ตนไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ ตนเห็นว่า รัฐบาลควรตั้งกองทุนเครื่องมือแพทย์แห่งชาติ แล้วเอาเครื่องมือแพทย์มารวมจุดกันตรงนี้ แล้วจัดสรรไปยังที่ต่างๆ ตามความต้องการ ไม่ใช่ให้ใครมือยาวสาวได้สาวเอา แล้วหมดจากสถานการณ์นี้แล้วก็จะนำเครื่องมือต่างๆที่มาจากกองทุนนี้ไปใช้ในเหตุการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นในจังหวัดต่างๆต่อไป
นายปรีชากล่าวอีกว่า วันนี้ประชาชนออกไปในพื้นที่ต่างๆมากขึ้น เราจะทราบได้อย่างไรว่าคนเหล่านั้นติดเชื้อ หรือเป็นพาหะหรือไม่ ตนได้เสนอให้รัฐบาลนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาตรวจ โดยใช้ระยะเวลาสั้น วันนี้จีนและเกาหลีผ่านวิกฤตตรงนี้แล้ว เพราะเขาสแกนคนเป็นแสนคน แต่วันนี้เราตรวจคนน้อยมาก เราต้องเร่งเอาคนมีปัญหาออกจากคนปกติ หากคนเป็นโรคอยู่ แล้วท่านให้อยู่บ้านจะเป็นการเอาโรคไปติดคนที่บ้านด้วย นอกจากนี้ ท่านต้องเปิดโอกาสให้เอาน้ำยาจากต่างประเทศเข้ามาตรวจโรคได้ด้วย พร้อมกับการผลิตน้ำยาเพื่อใช้ตรวจในประเทศ และต้องควบคุมราคาด้วย รวมถึงรัฐบาลต้องทำงานอย่างเป็นระบบ จัดให้มีการตรวจโรคอย่างทั่วถึง ไม่ใช่บอกว่า ตรวจแล้วเป็นรัฐบาลออกให้ แต่ถ้าไม่เป็นให้จ่ายค่าตรวจเอง แบบนี้ใครจะไปกล้าเดินเข้าไปตรวจ
ขณะที่ นพ.ทศพรกล่าวว่า วันนี้แม้พวกเราจะเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เราไม่ค้าน เราจะร่วมมือทำงานกับรัฐบาล ร่วมมือทำงานเพื่อช่วยดูแลพี่น้องทุกคน พวกเราประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ และประชาชนทั้งโลกจะก้าวข้ามวิกฤตโควิด-19 ไปพร้อมกัน
