ท่องเที่ยวพัทยาวิกฤต ยอด นทท.เป็น 0% ยื่น 6 เรื่องด่วนให้ ‘สนธยา คุณปลื้ม’ ชงภาครัฐเยียวยาจริงจัง

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวจากผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรครุนแรงมากยิ่งขึ้น จนภาครัฐได้ออกมาตรการในการป้องกันและควบคุมอย่างจริงจัง ถือเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องยอมรับว่ากรณีนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาอย่างรุนแรง ทั้งในส่วนของรายได้จากการท่องเที่ยว สถานประกอบการ ทั้งโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องปิดกิจการ รวมถึงแรงงานลูกจ้างจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบไปด้วย

นายธเนศกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยานั้นต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเห็นได้จากนักท่องเที่ยวที่นิยมมาพักผ่อนที่เมืองพัทยาอย่างกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซีย ซึ่งแต่เดิมแม้จะมีปัญหาเรื่องโรคแต่ก็ยังมีการจับจองเพื่อเดินทางมาพักผ่อนในพื้นที่อยู่บ้าง แต่หลังจากที่ภาครัฐได้ออกมาตรการเข้มข้นขึ้น อาทิ ต้องมีหลักประกันสุขภาพ 1 แสนเหรียญ หรือการรับรองทางการแพทย์ จึงมีการยกเลิกการเดินทางทั้งหมด หรือเรียกได้ว่าปัจจุบันยอดนักท่องเที่ยวเป็น 0% อย่างไรก็ตาม จากมาตรการของภาครัฐนั้นถือเป็นสิ่งจำเป็น และผู้ประกอบธุรกิจก็เห็นดี ไม่ขัดข้องแต่ประการใด เพราะจะเป็นการป้องกันและแก้ไขการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ แต่จากสถานการณ์นี้คาดว่าจะทำให้มีผู้ประกอบการและแหล่งท่องเที่ยวกว่า 80% โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ต้องปิดตัวลงชั่วคราวหรือถาวร และอาจมีการขายกิจการทิ้งให้ชาวต่างชาติ หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ซึ่งคาดการณ์กันว่าอย่างน้อยน่าจะประมาณ 10-12 เดือน

นายธเนศกล่าวต่อไปว่า ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานจำนวนมาก อีกทั้งยังมีภาระค่าใช้จ่ายคงที่สูง ได้แก่ เงินเดือนและสวัสดิการของพนักงาน โดยเฉพาะเรื่องค่าจ้างซึ่งแม้จะมีการปิดตัวชั่วคราว แต่ผู้ประกอบการก็ยังต้องแบกรับภาระอยู่ในอัตรา 75% ของเงินเดือน รวมถึงเงินประกันสังคมที่แต่เดิมมีการชำระในสัดส่วน 5% สำหรับผู้ประกอบการและแรงงานผู้ประกันตน แต่มีการปรับลดมาเหลือเพียง 4% ขณะที่รายได้ของผู้ประกอบการเป็น 0%

Advertisement

“นี่ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายด้านระบบสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า ประปา ภาษีต่างๆ ได้แก่ ภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนภาษีท้องถิ่นอื่นๆ เช่น ภาษีที่ดิน ภาษีป้าย ค่าธรรมเนียม ซึ่งเรื่องนี้แม้ว่าภาครัฐจะได้กำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในภาคธุรกิจออกมาเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาสภาพคล่องและการดำรงอยู่ของกิจการ ส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและโรงแรมต่างๆทุกระดับเริ่มประกาศปิดกิจการ หยุดดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเลิกจ้างแรงงาน ทำให้เกิดการว่างงานและการเดินทางกลับภูมิลำเนา สร้างความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19

“กรณีนี้ภาครัฐต้องหันมาใส่ใจ และเข้ามาดูแล หรือช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่มอย่างจริงจังเหมือนนโยบายในต่างประเทศ เพื่อให้ทั้งในส่วนขององค์กรแรงงานและผู้รับผลกระทบสามารถดำรงชีวิตหรือประคองกิจการไปได้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง อย่างกรณีกระทรวงแรงงานที่ยังยืนยันว่าผู้ประกอบการยังคงต้องแบกภาระเรื่องเงินเดือนและเงินประกันสังคมตามที่กำหนดต่อไป และจะไม่ปรับลดให้เหลือ 50% ของรายได้พนักงาน หากผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่เข้าข่าย 4 ประการ คือ 1.การถูกเลิกจ้าง 2.การลาออก 3.มีผู้ป่วยในสถานประกอบการ และ 4.ราชการสั่งปิดกิจการ ซึ่งดูแล้วขัดแย้งกับมติ ครม.ที่ออกมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่นิยามของคำว่า ‘เหตุสุดวิสัย’ ให้หมายรวมถึงการปิดกิจการ เพราะผลกรทบจากโรคติดต่อด้วย นอกจากจะเป็นภัยพิบัติ อย่างอัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย หรือธรณีพิบัติ” นายธเนศกล่าว

นายธเนศกล่าวต่อไปว่า จากปัญหาที่กล่าวมา ล่าสุดตัวแทนจากสมาคมองค์กรภาคธุรกิจการท่องเที่ยวได้เข้าพบนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เพื่อเสนอขอ 6 มาตรการในการเยียว และลดกระทบต่อภาคธุรกิจจากปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาและเสนอต่อภาครัฐอย่างจริงจัง ประกอบด้วย 1.กรณีหยุดกิจการชั่วคราวจากผลกระทบดังกล่าว ให้ทางกองทุนประกันสังคมจ่ายชดเชยลูกจ้างในอัตรา 70% เป็นระยะเวลาสูงสุด 180 วัน 2.ให้ยกเว้นการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมทางฝั่งนายจ้างและลูกจ้างเป็นระยะเวลา 180 วัน โดยให้กระทรวงแรงงานเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ 3.ให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีที่ดินภาษีป้ายภาษีบำรุงท้อง ที่ในปี พ.ศ.2563 โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ 4.ขอลดอัตราดอกเบี้ย 50% จากธนาคารพาณิชย์ที่ทางเอกชนกู้อยู่ โดยภาครัฐเป็นผู้ชดเชยส่วนลดให้ผู้รับผิดชอบโดยกระทรวงการคลัง 5.ของดจ่ายค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งกรณีนี้เป็นมาตรการของประเทศต่างๆ ที่ประกาศใช้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และ 6.ค่าใช้จ่ายในการซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคและอุปกรณ์สำหรับการดำเนินการป้องกัน COVID-19 สามารถนำมาหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า

Advertisement

“ข้อเสนอตามมาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยและลดความตึงเครียดให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่ทำรายได้ให้กับประเทศในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก โดยนายกเมืองพัทยาได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และจะนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีและทางนายกรัฐมนตรีพิจารณาในลำดับต่อไป ส่วนตัวมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 น่าจะยืดยาวไปกว่า 1 ปี และการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นปกติตามการคาดการณ์กลางปีหน้า สิ่งสำคัญในปัจจุบันคงไม่ใช่เรื่องของกำไร-ขาดทุน เพราะผู้ประกอบการไม่มีรายได้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้รัฐต้องเข้ามาช่วยพยุง ต้องดูแลเพื่อให้ทุกส่วนสามารถยังชีพและสู้สถานการณ์ต่อไปได้” นายธเนศ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image