หุ้นไทยย่อตัว ปิดลบ 13.48 จุด หลังระหว่างวันลงแรงถึง 22.82 จุด

วันที่ 21 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,266.40 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,253.46 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,252.92 จุด ปรับลดลง 13.48 จุดหรือ 1.06% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,260.96 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,243.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 58,676.75 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,077.72 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 448.35 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 6,103.20 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,577.13 ล้านบาท ในระหว่างวันดัชนีลบน้อยสุด 5.44 จุด และลบมากสุดถึง 22.82 จุด

โดยนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ถูกดดันจากปัจจัยเชิงลบในต่างประเทศ ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก โดยปัจจัยลบเป็นเรื่องราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงร้อนแรง เพราะปริมาณน้ำมันยังคงล้นตลาด  จากการที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับลดลงสูงมาก โดยราคาน้ำมันปรับลดลง ทำให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานออกมา บวกกับมูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) ที่เริ่มตึงตัว ทำให้ตลาดเซลงมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ปรับลงมากมายนักโดยเห็นจังหวะในการดีดตัวกลับมาได้ จากแรงสนับสนุนการมองข้ามการประกาศงบไตรมาส 1/2563 และภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มผ่อนคลายขึ้น และสร้างความหวังในการปลดล็อกมาตรการล็อกดาวน์ในเร็วๆ นี้

ขณะนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศ น่าจะเป็นหลักในการทยอยซื้อสะสมต่อเนื่อง เพราะภาพลักษณะแบบนี้ ต่างชาติจะทยอยขายสุทธิต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยดัชนีหุ้นไทยปิดในระดับที่ไม่ได้น่าเกลียดมากนัก จึงประเมินว่าภรวมตลาดจะแกว่งตัวไซย์เวย์ออกข้างต่อไป ให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,230-1,265 จุด โดยเชื่อว่าไม่น่าจะหลุดกรอบล่างได้ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาเป็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย และสถานการณ์โควิด-19” นายวิจิตรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image