นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า (ดับเบิลยูทีไอ) ได้ปิดตลาดด้วยการปรับลดลงร้อนแรงในช่วงวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นราคาสัญญาน้ำมันล่วงหน้าที่จะทำการส่งมอบของเดือนพฤษภาคมนี้ ที่ได้หมดอายุลงเมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา โดยถือเป็นการติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลาดน้ำมัน สาเหตุมาจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในตลาด มากเกินความต้องการใช้งานในปัจจุบัน เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การเดินทางน้อยลง พลังงานในการใช้จึงลดลงตาม โดยราคาซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้ามี 2 ระยะ เป็นระยะไกล และระยะใกล้ ซึ่งราคาที่มีปัญหาในขณะนี้ เป็นสัญญาระยะใกล้ ทำให้ราคาปรับลดลงผิดปกติ
นายณัฐพลกล่าวว่า ทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างร้อนแรง เชื่อว่าหลังจบเดือนเมษายนนี้ ก็ยังคงมีแรงกดดันอยู่ เพราะสัญญาการซื้อขายน้ำมันดับบลิวยูทีไออายุสั้น เพิ่งหมดไป ส่วนสัญญาการซื้อขายส่วนต่างน้ำมันดิบ (เบรนท์) จะหมดในวันที่ 29 เมษายนนี้ จึงอาจทำให้ได้รับผลกระทบอยู่ และเห็นราคาน้ำมันปรับลงต่อเนื่อง แต่ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะเข้าสู่ฤดูการลดกำลังการผลิตลงประมาณ 9.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งน่าจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมามีความเสถียรมากขึ้น และราคาน้ำมันน่าจะเข้าใกล้จุดต่ำสุดแล้วในเดือนดังกล่าว ส่วนปัญหาของการไม่มีพื้นที่จัดเก็บปริมาณน้ำมันนั้น สหรัฐได้เปิดเผยว่า จะเร่งหาพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติม ทำให้ปัญหานี้น่าจะพอช่วยได้ บวกกับเดือนพฤษภาคม หลายประเทศในยุโรปต้องการปลดล็อกมาตรการปิดเมือง หรือล็อกดาวน์กันมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันน่าจะมีมากขึ้น
“เดือนเมษายน คงไม่ต้องดูแลเว เพราะเหลืออีกไม่กี่วันก็จะหมดเดือน ทำให้เชื่อว่าทั้งเดือนนี้น่าจะยังถูกกดทำให้ราคาร่วงลงอยู่ แต่ในเดือนพฤษภาคมนี้ มีปัจจัยเชิงบวกเข้ามา และน่าจะช่วยพยุงราคาน้ำมันให้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้” นายณัฐพลกล่าว