“หมอยง” ชี้ “โควิด-19” ยังไม่มียาต้านไวรัสจำเพาะ ที่ใช้กันทั่วโลกยืมจากการรักษาโรคอื่น

“หมอยง” ชี้ “โควิด-19” ยังไม่มียาต้านไวรัสจำเพาะ ที่ใช้กันทั่วโลกยืมจากการรักษาโรคอื่น

โควิด-19 เมื่อวันที่ 27 เมษายน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับการใช้ยารักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า โรคโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ไวรัสนี้จึงยังไม่มียารักษาจำเพาะ และยาที่ใช้รักษาในขณะนี้เป็นการยืมยารักษาโรคอื่นๆ มาใช้ ทั้ง ยา chloroquine/hydroxychloroquine, ยาต้านเอชไอวี (HIV), ยา flavipiravir, ยา Remdesivir  หรือแม้แต่ พลาสมาของคนที่หายป่วย

ศ.นพ.ยง ระบุว่า สำหรับยาchloroquine/hydroxychloroquine มุ่งเป้าทำให้ผนังเซลล์แข็งแรง ป้องกันการถอดร่างไวรัสในเซลล์ ผลการรักษายังไม่เป็นที่แน่ชัด หรือยืนยันว่าได้ผลจากการศึกษาที่ชัดเจน

ขณะที่ยาต้านไวรัสเอชไอวี (HIV) สูตรผสมโลพินาเวียร์และริโทรนาเวียร์ ถูกนำมาใช้รักษาโรคโควิด-19 เพราะลักษณะเอนไซม์ protease ของไวรัสโควิด-19 กับ HIV มีส่วนคล้ายกัน จึงมีการนำมาใช้ การศึกษาเปรียบเทียบให้กับไม่ให้ในผู้ป่วยโควิด-19 รายที่รุนแรง ผลไม่แตกต่างกัน หรือกล่าวได้ว่า โควิด-19 เป็นรุนแรงแล้ว ยา 2 ตัวนี้ไม่ช่วย แต่ในรายที่ไม่รุนแรง คงต้องรอผลการศึกษา อย่างไรก็ตาม ยานี้มีอาการข้างเคียงค่อนข้างมาก

“ส่วนยา flavipiravir ในบ้านเราได้นำเข้ามา ยานี้ ญี่ปุ่นคิดขึ้นมาเพื่อรักษาไข้หวัดใหญ่ และต่อมาพบว่ามีฤทธิ์กว้าง ขัดขวางการสร้าง RNA ไวรัสชนิดอื่นๆ ด้วย เคยมีการนำมาใช้ใน Ebola แต่ผลก็ไม่ได้เป็นดังเป้าหมาย และขณะนี้ก็ได้นำมานี้มาใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 กันมาก และรอผลการศึกษาประสิทธิผลที่เป็นเชิงวิทยาศาสตร์ ในการศึกษาวิจัยที่จะมีการเผยแพร่ประเทศไทย ได้มีการนำมาใช้ในรายที่มีอาการรุนแรงที่มีปอดบวม” ศ.นพ.ยง ระบุ

Advertisement

นอกจากนี้ ศ.นพ.ยง ระบุว่า ยาRemdesivir เป็นยาที่คิดค้นใหม่ ยังไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในชาติใด จึงเป็นยาที่อยู่ระหว่างการวิจัยในระยะที่ 3 และเคยพยายามศึกษากับไวรัสเมอร์ส (MERS) ยานี้ได้ถูกนำมาใช้ศึกษาในโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยรายแรกของสหรัฐอเมริกา และมีการศึกษาเป็นจำนวนมาก ในขณะนี้มากกว่า 100 โครงการ คาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ แต่มีข่าวจากอเมริกาว่า ได้ผลดี ทำให้หุ้นในอเมริกาขึ้นมาได้ และหลังจากการนั้น บริษัทก็ออกมาปฏิเสธข่าว โดยระบุว่าต้องรอผลสรุปการรักษาอย่างเป็นทางการ และรอขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาก่อน ยังไม่มีใช้ในประเทศไทย

ศ.นพ.ยง ระบุว่า สำหรับพลาสมาของคนที่หายป่วย ได้มีการศึกษาในจีน เกาหลี มีมากกว่า 5 รายงานการศึกษา ในคนไข้ขณะนี้ที่รายงานเกือบ 30 คน ในรายงานจะบอกได้ผลดี เชื่อว่ามีการให้มากกว่ารายงานและรายงานส่วนมาก จะรายงานโดยสรุป ขณะนี้มีการศึกษากันทั่วโลก เกือบทุกประเทศ ประเทศไทยขณะนี้ก็มีโครงการนี้อยู่ โดยขอบริจาคพลาสมาจากผู้ที่หายป่วยแล้ว

“การรักษาโรคโควิด-19 ในปัจจุบันจึงยังไม่มีข้อสรุป และแนวทางการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่จำเพาะ และได้ผลอย่างชัดเจน” เฟซบุ๊กของ ศ.นพ.ยง ระบุ

Advertisement

ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวระบุว่า

“โควิด 19 ยารักษาไวรัสโรคโควิด-19
โควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ไวรัสนี้จึงยังไม่มียารักษาจำเพาะ ยาที่ใช้รักษา จึงยืมยาจากโรคอื่นมาใช้ เช่น

chloroquine/hydroxychloroquine
หวังไปทำให้ผนังเซลล์แข็งแรง ป้องกันการถอดร่างไวรัสในเซลล์ ผลการรักษายังไม่เป็นที่แน่ชัด หรือยืนยันว่าได้ผล จากการศึกษาที่ชัดเจน

ยาต้าน HIV
สูตรผสมโลพินาเวียร์และริโทรนาเวียร์ ถูกนำมาใช้รักษาโรค โควิด-19 เพราะลักษณะเอนไซ protease ของไวรัสโควิด-19 กับ HIV มีส่วนคล้ายกัน จึงมีการนำมาใช้
การศึกษาเปรียบเทียบให้กับไม่ให้ ในรายโควิดที่รุนแรง ผลไม่แตกต่างกัน หรือ กล่าวว่า โควิด-19 เป็นรุนแรงแล้ว ยา 2 ตัวนี้ไม่ช่วย
แต่ในรายที่ไม่รุนแรง คงต้องรอผลการศึกษา ยานี้มีอาการข้างเคียงค่อนข้างมาก

flavipiravir
ในบ้านเราได้นำเข้ามา ยานี้ ญี่ปุ่น คิดขึ้นมาเพื่อรักษาไข้หวัดใหญ่ และต่อมาพบว่ามีฤทธิ์กว้าง ขัดขวางการสร้าง RNA ไวรัสชนิดอื่น ๆ ด้วย เคยมีการนำมาใช้ใน Ebola แต่ผลก็ไม่ได้เป็นดังเป้าหมาย และขณะนี้ก็ได้นำมานี้มาใช้ในการรักษา โควิด-19 กันมาก และรอผลการศึกษาที่เป็นเชิงวิทยาศาสตร์ ถึงประสิทธิผล ในการศึกษาวิจัยที่จะมีการเผยแพร่
ประเทศไทย ได้มีการนำมาใช้ในรายที่มีอาการรุนแรง ที่มีปอดบวม

Remdesivir
เป็นยาที่คิดค้นใหม่ ยังไม่ผ่านการรับรองของ อย ในชาติใด จึงเป็นยาที่อยู่ระหว่างการวิจัยในระยะ 3 และเคยพยายามศึกษากับไวรัส MERS ยานี้ได้ถูกนำมาใช้ศึกษาในโรค โควิด-19 ในผู้ป่วยรายแรกของอเมริกา และมีการศึกษาเป็นจำนวนมาก ในขณะนี้มากกว่า 100 โครงการคงจะทราบผลเร็ว ๆ นี้ แต่มีข่าวออกมาจากอเมริกา ว่าได้ผลดี ทำให้หุ้นในอเมริกาขึ้นมาได้ และหลังจากการนั้นทางบริษัทก็ออกมาปฏิเสธว่าข่าว
คงต้องรอผลสรุปอย่างเป็นทางการ ถึงผลการรักษา และรอขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาก่อน ยังไม่มีใช้ในประเทศไทย

พลาสมาของคนที่หายป่วย
ได้มีการศึกษาในจีน เกาหลี มีมากกว่า 5 รายงานการศึกษา
ในคนไข้ขณะนี้ที่รายงานเกือบ 30 คน ในรายงานจะบอกได้ผลดี เชื่อว่ามีการให้มากกว่ารายงานและรายงานส่วนมาก จะรายงานโดยสรุป ขณะนี้มีการศึกษากันทั่วโลก เกือบทุกประเทศ ประเทศไทยขณะนี้ก็มีโครงการ นี้อยู่ โดยขอบริจาคพลาสม่าจากผู้ที่หายป่วยแล้ว

การรักษาโรคโควิด 19 ในปัจจุบัน ยังไม่มีข้อสรุป และแนวทางการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ที่จำเพาะ และได้ผลอย่างชัดเจน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image